HoonSmart.com>>”ฟู้ดโมเม้นท์”(FM) เปิดกลยุทธ์การเติบโตช่วง 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าผู้นำการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกชั้นนำของไทย พร้อมบุกตลาดต่างประเทศ ควบคู่การพัฒนาสินค้าใหม่ ดันมาร์จิ้นพุ่ง-ลุยธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มฐานรายได้ หนุนธุรกิจเติบโตยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น มั่นใจผลงานปี 67 เติบโตก้าวกระโดด ขณะที่โบรกเกอร์ให้เป้าสูงสุด 8.90 บาท/หุ้น ประเมินปีนี้กำไรโตกว่า 100% มีอัพไซด์จากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และเป็นผู้ผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกที่มีศักยภาพเติบโตสูง
นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ (FM) เปิดเผยว่า เชื่อมั่นการเติบโตของบริษัทฯ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ในฐานะหุ้นนวัตกรรมอาหารที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Product ) ที่มีมาร์จิ้นดีและมีการเติบโตสูง โดยตั้งเป้ารายได้ใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตก้าวกระโดด ทั้งแบบ Organic และ Inorganic โดยวางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 65% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 50% รวมทั้งตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้นำการส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกชั้นนำของไทย
ทั้งนี้ ภายหลังการระดมทุน FM จะนำเงินไปใช้ในปรับปรุงสายการผลิตเดิมและขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 25%-30% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้า และการขยายตลาดใหม่ๆ เช่น กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เป็นต้น รวมทั้งลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ที่สร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์พลอยได้ของไก่ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน เพิ่มศักยภาพธุรกิจต่อไปในอนาคต
“ผมขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้การต้อนรับการเข้าระดมทุนของ FM อย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหารและพนักงานของ FM พร้อมจะเดินหน้าทำงานด้วยความมุ่งมั่น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และมั่นคง ตลอดจนสร้างผลตอบแทนที่ดีให้ผู้ถือหุ้น และพร้อมจะผลักดันให้มีการเติบโตได้ต่อเนื่อง สำหรับผลประกอบการของปี 2567 โดยประเมินว่ารายได้จะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่าการเติบโตของรายได้ในไตรมาส 1/ 2567 ที่เติบโต 23%” นายณัฐพล กล่าว
นายสุเมธ มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน FM กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน 3 ปีย้อนหลัง (2564-2566) ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยรายได้เติบโตเฉลี่ย 18% ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/ 2567 รายได้รวมอยู่ที่ 1,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% กำไรสุทธิ 125 ล้านบาท เพิ่ม 71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อีกทั้งมีฐานะการเงินและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำที่ 0.7 เท่า หลังจากไอพีโอแล้วจะลดต่ำลงอีกมาก ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้นักลงทุนสนใจ FM และเชื่อมั่นว่าจะผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตได้ดีสอดรับกับเป้าหมายที่วางไว้
นางดาริน กาญจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออพท์เอเชีย แคปิตอล ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน FM กล่าวว่า การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของ FM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน มีความภูมิใจอย่างยิ่ง และถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ FM ซึ่งจะสามารถนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจ สร้างความเข้มแข็ง พร้อมทั้งผลักดันการเติบโตให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมาย เชื่อว่า FM จะเป็นหุ้นที่มีศักยภาพ ที่จะเป็นหุ้นไฮบริด ทั้ง Growth Stock และ Dividend Stock ได้อย่างแน่นอน จากการบริหาร Cash Cycle ที่ดี มีสัดส่วนหนี้สินในระดับต่ำ และแผนการเติบโตที่ชัดเจน
นายทวีชัย ตั้งธนทรัพย์ หัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมของ FM ระบุว่า FM ถือเป็นบริษัทฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่น ธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมอาหารที่เป็นสิ่งจำเป็นหรือเป็นปัจจัยสี่ และการให้ความสําคัญกับเทคโนโลยีในการผลิตอาหาร (Food Tech) ผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ร่วมกับลูกค้า ทําให้ FM มีศักยภาพสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ โดยสินค้าดังกล่าวมีอัตรากําไรขั้นต้นสูง (Gross profit Margin) สูงในอัตรา 15-20% หรือประมาณ 3-4 เท่า เมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่มธุรกิจไก่ชําแหละ
นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า เชื่อว่า FM จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคต จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมามีกำไรต่อเนื่องทุกปี และมีแนวโน้มการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งได้เข้าไปเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ทำให้มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ฐานทุนที่แข็งแรง พร้อมสนับสนุนให้มีศักยภาพผลักดันการเติบโตได้มากขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เผยแพร่บทวิเคราะห์ระบุว่า FM มีจุดเด่น คือ ศักยภาพการเติบโตสูงจากการมีฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ทั้งด้านการบริหารห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในธุรกิจมากกว่า 40 ปี โดยมุ่งเน้นธุรกิจไก่ปรุงสุก (CAV) ซึ่งมีอัตรากำไรสูงและผันผวนต่ำ และมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทชั้นนำ โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปี (CAGR) 3 ปีข้างหน้า 31% (2567-2569) จากการขยายกำลังการผลิต การขยายตลาด การเพิ่มยอดขายสินค้าไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products) ซึ่งมีอัตรากำไรสูง และการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและให้ราคาเป้าหมายที่ 8.90 บาท โดยคาดว่าจะมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรมาจากการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ประเมินว่า ผลประกอบการ FM จะเติบโตอย่างยั่งยืน จากปัจจัยบวก 1) ภาพรวมอุตสาหกรรมไก่ยังเป็นอันดับ 1 ในการบริโภคมากที่สุด และประเทศไทยติดในกลุ่ม 5 อันดับแรกในการส่งออกของโลก 2) ประเทศไทยเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการผู้ส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุก (CAV Products) สอดคล้องกับที่บริษัทมุ่งเน้นธุรกิจกลุ่มนี้ 3) แนวโน้มอุตสาหกรรมไก่ไทยเป็นช่วงขาขึ้น 4) บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูป (CAV Products) มุ่งเน้นสินค้าที่มีอัตราทำกำไรสูงสร้างกำไรเติบโตอย่างยังยืน 5) ขยายตลาดส่งออกกลุ่มประเทศใหม่ๆ และยังคงรักษาลูกค้าระดับไฮเอนด์พรีเมียมไว้ 6) พัฒนาสินค้าใหม่ปลายน้ำ (Downstream) อย่างต่อเนื่อง และ 7) ขยายกำลังการผลิตไก่ชำแหละเพิ่ม
พร้อมกันนี้ คาดว่าประกอบการของ FM ปี 2567 จะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 546 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% หรือคิดเป็น 22% ของกำไรทั้งปี และคาดกำไรสุทธิในปี 2567-2569 จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยได้ 46% (CAGR3Y) โดยคาดการณ์รายได้จากการขายที่ดีขึ้นเติบโตเฉลี่ยปีละ 15% (CAGR3Y) ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมปี 2567 ของ FM ได้มูลค่าตลาดที่ประมาณ 8,200 ล้านบาท หรือที่ 8.30 บาท
หุ้น FM ปิดเทรดเช้าที่ 4.70 บาท ลดลง 0.70 บาท หรือ -12.96% มูลค่าซื้อขาย 964.83 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 4.60 บาท ขึ้นสูงสุด 4.90 บาท และต่ำสุด 4.50 บาท