เปิดวิชั่น”ดร. ทิลล์ โบห์เมอร์” ซีอีโอ “เออร์โกประกันภัย” ปูทางธุรกิจขึ้นท็อป 5

HoonSmart.com>>ครั้งแรกกับการเปิดวิชั่น “ดร. ทิลล์ โบห์เมอร์” ซีอีโอ เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) ผู้ที่ประกาศรับพนักงานบริษัทสินมั่นคงประกันภัย ร่วม 800 ชีวิตเข้าร่วมงาน หลังเข้าซื้อ 2 บริษัทประกันภัยปีที่ผ่านมา เก็บฐานลูกค้ารถหรู รถบรรทุก เข้าพอร์ตปีเดียวเก็บกำไรกว่า 400% ลั่นปี 2 ลุยขยายสาขา ใช้ประกันพ.ร.บ.เป็นฐานปั้นยอดขาย ป้ายมิวนิค รี หนุนหลังแกร่ง ปักเป้าโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% เพื่อขึ้นแท่นท็อป 5 ในตลาดประกันภัยไทย

ในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด-19 ระบาด ตลาดประกันภัยไทยมีผู้เล่นหน้าใหม่ เออร์โก กรุ๊ป บริษัทประกันภัยที่อยู่แถวหน้าของเยอรมันและยุโรป ที่มีบริษัทแม่ชื่อ มิวนิก รี บริษัทประกันภัยต่อขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก ได้เข้ามาเทคโอเวอร์กิจการ บริษัทไทยศรีประกันภัย และ บริษัทนำสินประกันภัย ซึ่งเป็นบริษัทน้ำดีทั้งคู่ แล้วทำการควบรวมกิจการทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกัน แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย)

การเคลื่อนไหวที่สร้างความฮือฮามากที่สุด คือ การประกาศเปิดประตูรับพนักงานของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย เข้าร่วมงาน หลังจากที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยสั่งให้หยุดรับประกันภัยเป็นการชั่วคราวเมื่อปลายปี 2566 โดยผู้บริหารของบริษัทฯ ก็ปิดตัวเงียบ ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ ถึงเหตุผลดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 ก.ค.2567 “hoonsmart.com” ได้มีโอกาสคุยกับทาง ดร.ทิลล์ โบห์เมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) มร.มัทธีอัส ไฟท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ ที่มาพร้อมกับ ดร.ชญณา ศิริภิรมย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน ที่เพิ่งเข้าร่วมงานกับทาง เออร์โก ในประเด็นต่างๆ

เหตุผลที่”มิวนิค รี” เลือกไทย

ดร.ทิลล์: มิวนิครี เลือกมาลงทุนในประเทศไทย เพราะจากการที่มีการอยู่ในประเทศไทยมาระยะหนึ่งแล้วในฐานะผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในบริษัทไทยศรีประกันภัย ทำให้เห็นว่าไทยมีตลาดประกันภัยที่พัฒนามากกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน และเป็นตลาดใหญ่ สามารถที่เติบโตต่อไปได้อีกอย่างต่อเนื่อง พอหลังจากเกิดโควิด-19 ก็เป็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนในไทยเต็มที่เพื่อขยายฐานธุรกิจในไทย

อย่างไรก็ตาม ตลาดประกันภัยไทย จะมีความแตกต่างจากทางยุโรป ตลาดไทยจะเน้นเรื่องราคา กับตัวรถ เป็นหลัก ในยุโรปการพิจารณารับประกันภัยจะเน้นดูตัวคนขับ ประสบการณ์ในการขับรถ แล้วจึงกำหนดเบี้ยออกมา อีกอย่างคือจะมีศูนย์ข้อมูลกลางของการเคลมหรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ข้อมูลของคนเคลมจะมารวมกัน บริษัทประกันภัยสามารถติดตามประวัติการเคลมของลูกค้าแต่ละรายได้

ด้านต้นทุนในการทำธุรกิจในไทย เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน นั้น จากการที่ไทยเป็นตลาดประกันภัยรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ใหญ่กว่าอินโดนีเซีย ใหญ่กว่ามาเลเซีย ทำให้ต้นทุนในการทำธุรกิจดีกว่า และตลาดก็พัฒนามากที่สุดในเอเชียใต้ สามารถที่จะพัฒนาในด้านต่างๆ ต่อไปได้ และความพร้อมด้านอื่นๆ ที่มี สามารถรองรับการการลงทุนได้เลย


พนักงานสินมั่นคงฯมาอยู่ที่นี่กี่คน?

ดร. ทิลล์ :การเปิดรับพนักงานครั้งนั้น มีเพื่อนใหม่เข้ามาอยู่กับเรา 800 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมดของบริษัท 1,700 คนในปัจจุบัน เพื่อนเรากลุ่มนี้มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ ด้านรถยนต์ส่วนบุคคล รถยนต์ขนาดเล็ก เมื่อเข้ามาสามารถที่จะช่วยเราเพิ่มประสิทธิภาพได้ทันที ซึ่งเป็นการเข้ามาเติมเต็มสิ่งที่เรากำลังมองหาพอดี เพราะในส่วนของพนักงานไทยศรีประกันภัย มีความเชี่ยวชาญเรื่องรถหรู และนำสินประกันภัยมีความเชี่ยวชาญด้านรถบรรทุก วันนี้พนักงานสามารถที่จะให้บริการลูกค้าประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทได้อย่างเต็มที่ เพราะการได้บุคลากรที่มีประสบการณ์ มีความสามารถ และอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าที่มีอยู่ทั้งหมด 3 ล้านกรมธรรม์ได้อย่างครบวงจร ตอกย้ำแนวคิด “ให้ประกันภัย…เป็นเรื่องสำคัญที่เรียบง่าย”
ล่าสุด บริษัทเป็นหนึ่งใน 9 บริษัทที่เข้าร่วมโครงการช่วยเหลือลูกค้าประกันภัยของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะมีลูกค้าเข้ามาอยู่กับกี่ราย

ปี’66 กำไรพุ่ง 402.90% จากปี’65 ขาดทุน

ดร.ทิลล์ :ครบรอบ 1 ปี ที่บริษัทฯเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน บริษัท ไทยศรีประกันภัย ซึ่งมีรายได้เป็นอันดับที่ 30 ของตลาดประกันภัยในขณะนั้น ต่อมาในปี 2566 ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทนำสินประกันภัย ที่มีจุดแข็งด้านการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ โดยเฉพาะรถบรรทุก ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดธุรกิจประกันภัย ช่วยให้บริษัทฯเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

และได้เปลี่ยนชื่อใหม่อย่างเป็นทางการว่า “เออร์โกประกันภัย” พร้อมด้วยตราสัญลักษณ์ “ERGO” เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมี เออร์โก กรุ๊ป หรือ ERGO International AG ถือหุ้น 75% อีก 25% ถือหุ้นโดยคนไทย และก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทประกันภัยที่มีรายได้สูงเป็นอันดับที่ 8 ของตลาดประกันวินาศภัยประเทศไทย จากความสามารถของทีมขายที่มากด้วยประสบการณ์และทีม customer service ที่แข็งแกร่ง รวมถึงพนักงานทุกคนของ ERGO ที่ช่วยกันผลักดันให้การเติบโตครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้

ทั้งนี้ จากงบการเงินของบริษัทฯในปี 2566 บริษัทฯ มีค่าเบี้ยประกันภัยรับรวม 10,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.82% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 66.99% การประกันภัยเบ็ดเตล็ด 19.28% การประกันภัยทรัพย์สิน 9.80% ที่เหลือเป็นประกันภัยวิศวะกรรม ประกันภัยขนส่งทางทะเล และอื่นๆ มีกำไรสุทธิ 461 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 402.90% จากปี 2565 ที่ขาดทุนสุทธิ 152 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม 13,996 ล้านบาท แยกเป็นสินทรัพย์ลงทุน 8,859 ล้านบาท ขณะที่ส่วนของเจ้าของ มีจำนวน 3,889 ล้านบาท มีเงินกองทุนที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งหมด 2,229 ล้านบาท

ปี’67 ตั้งเป้ายอดขาย 1.2 หมื่นล.

ดร.ทิลล์: สำหรับ ปี 2567 ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่เราเข้ามาทำธุรกิจในไทย มีทีมผู้บริหารที่เราต้องการครบแล้ว ล่าสุดได้ ดร.ชญณา ศิริภิรมย์ เข้ามาเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน และแต่งตั้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานกำกับดูแลกิจการอีกหนึ่งตำแหน่ง เป็นผู้ขับเคลื่อนแผนงานทั้งหมดให้สำเร็จ และให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรงและมั่นคงมากขึ้น

ปีนี้ ตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวม 12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,000 ล้านบาทจากปีที่ผ่านมา ซึ่ง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาเติบโตตามทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม โดยเน้นการเติบโตในตลาดประกันภัยรถยนต์ โดยเฉพาะประกันพ.ร.บ. เพราะมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ สามารถขยายฐานตลาดได้เร็วและทำกำไรได้ดี ส่วนประกันรถยนต์ไฟฟ้า ก็ยังรับประกันตามปกติ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า แต่มีการติดตามอย่างใกล้ชิด และมีการคัดเลือกงานอย่างใกล้ชิด ทำให้ต้องเพิ่มศักยภาพการให้บริการอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ทั่วไทย ด้วยการเร่งขยายสาขาสำหรับจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยบนห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้าชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ ไปแล้วกว่า 40 สาขา

นอกจากนี้ ยังมีการขยายสาขาในต่างจังหวัดทั่วประเทศอีกกว่า 60 สาขาที่มีความพร้อมในการให้บริการทุกด้านอย่างครบครัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้จนครบเป็นกว่า 80 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท รวมจุดบริการทั้งในและต่างจังหวัดจะมากกว่า 100 แห่ง

ด้านการ บริการลูกค้าในที่เกิดเหตุ บริษัทมีการอบรมด้านการให้บริการสินไหมทดแทนด้วยตัวเองเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน ผู้ที่ออกไปทำเคลมจะเป็นพนักงานของบริษัททั้งหมด และจะทำงานกับตัวแทนและคู่ค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้มั่นใจว่าเมื่อลูกค้าเกิดเหตุจะสามารถเข้าไปจัดการได้อย่างรวดเร็ว

เป้าหมายอันดับ 5 ในไทย

ดร.ทิลล์ :บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดในไทยอยู่อันดับ 5 ที่ต้องทำยอดขายให้ได้อย่างน้อยปีละ 10% แต่ไม่ได้ระบุปีที่แน่นอนไว้ เพราะระหว่างทางอาจจะมีสถานการณ์ที่ทำให้ได้ต่ำกว่า หรือ สูงกว่าได้ และจะดูจังหวะที่เหมาะสมในหลายๆ ด้าน โดยในเบื้องต้นจะเป็นการเติบโตจากภายในของบริษัทฯ แต่ถ้าโอกาสอื่นๆ เข้ามา เช่น การซื้อกิจการเพิ่ม มีจังหวะ และโอกาสที่ดีเข้ามา ก็พร้อมที่จะใช้โอกาสนั้นด้วย ซึ่งปัจจุบันด้วยทุนที่ได้มาจากบริษัทแม่เมื่อปี 2566 ยังสามารถขยายงาน พัฒนาธุรกิจ ต่อไปได้ โดยไม่ต้องเรียกทุนก้อนใหม่

จุดแข็ง ในการเข้าสู่ตลาดไทย คือ แบรนด์ของ เออร์โก้ แข็งแกร่ง ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ คือ มิวนิค รี ที่มีฐานะการเงินเข้มแข็ง ที่พร้อมจะสนับสนุนเงินลงทุน มีพนักงานจากทั้งไทยศรีประกันภัย นำสินประกันภัย และ สินมั่นคงประกันภัย ซึ่งเป็นคนท้องถิ่น มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ ประกอบกับพอร์ตงานจากไทยศรีฯที่เชี่ยวชาญรถหรู นำสินฯเชี่ยวชาญรถบรรทุก และพนักงานจากสินมั่นคงฯ มีความเชี่ยวชาญงานด้านรถยนต์รายบุคคล รถขนาดเล็ก ในด้านพนักงานถือว่ามีความเชี่ยวชาญครอบคลุมการประกันภัยรถยนต์ทุกประเภท จะเป็นแรงส่งของโมเมนตั้มทางธุรกิจที่ตอนนี้ดีอยู่แล้ว ให้เติบโตไปได้อย่างรวดเร็ว

บริษัทมี แผนที่จะพัฒนาการให้บริการในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านการรับแจ้งอุบัติเหตุที่พร้อมขยายการให้บริการด้วยการกระจายพนักงานเคลมให้ถึงที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด รวมถึงจัดอบรมพนักงานศูนย์รับแจ้งเหตุเพื่อพัฒนาทักษะในการสนทนา โดยเฉพาะกับลูกค้าคู่สนทนาที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุและกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างทำการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เว็ปไซต์ และแพล็ตฟอร์มต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือและช่องทางในการตอบโจทย์ คู่ค้า ลูกค้า ทั้งด้านการขาย การบริการ ให้ได้เร็วขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

ปัจจุบัน รายได้หลักมาจากสาขา จึงเร่งขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศปีนี้จะมีทั้งหมด 80 สาขา จากเดิม 40 สาขา จะใช้เงินลงทุน 100 ล้านบาท เพราะสามารถให้บริการงานที่เข้ามาผ่านตัวแทน นายหน้า รวมถึงการขายตรง รวมถึงจะทำตลาดช่องทางขายผ่านสถาบันการเงิน บริษัทนายหน้าประกันภัยระดับอินเตอร์ และธุรกิจองค์กรด้วย

เออร์โก้ เป็นแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาในตลาดไทย แต่เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง และมีความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจ เราจึงได้ทำการลงทุนขยายสาขาอย่างหนัก และทำการเพิ่มพนักงานใหม่เข้ามาจำนวนมาก เพื่อสามารถเข้าถึง และให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพ

รายงานโดย :วารุณี อินวันนา