HoonSmart.com>>”พลังงานบริสุทธิ์”(EA) ตั้งบอร์ดใหม่ “สมใจนึก”รักษาการซีอีโอ ลั่นเดินหน้าขายหุ้นกู้ ตุนเงินสำรองแบงก์ มีกระแสเงินสดธุรกิจไฟฟ้า 1,000 ล้านบาท/เดือน คืนหุ้นกู้ตามนัด ขยายธุรกิจไม่สดุด “สมโภชน์”ยันไม่ใช่ STARK บุ๊คไม่กวง ทุกธุรกิจต้นทุนต่ำ ความสามารถแข่งขันสูง ตลท.สั่งชี้แจงข้อมูล ส่วนหุ้น BYD-NEX ดิ่งฟลอร์ นักวิเคราะห์แนะหลีกเลี่ยงรอชัดเจน ธนชาตหั่นเป้า EA เหลือ 5 บาท กองทุนรวมรับกระทบ ตลาดหุ้นไม่แพนิค ต่างชาติขายเพียง 442.72 ล้านบาท
นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ รักษาการ ประธานเจ่าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) กล่าวว่า ถึงแม้ว่านายสมโภชน์ อาหุนัย และนายอมร ทรัพย์ทวีกุล จะต้องลาออกไป โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ มั่นใจ EA จะไม่เป็นปัญหาต่อการดำเนินธุรกิจ แผนการขยายธุรกิจยังคงเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทฯ ทำงานด้วยระบบและทีมงานที่ตั้งขึ้นมาเป็นผู้ที่ทำงานร่วมกับนายสมโภชน์และนายอมรในโครงการต่างๆมายาวนานและเป็นมืออาชีพ
“ผมเชื่อมั่นว่า EA อยู่ในธุรกิจที่ดีที่มีอนาคต มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ นอกจากนี้ภาระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในไตรมาสที่ 3 และ 4/2567 ได้วางแผนไว้พร้อมแล้ว”นายสมใจนึกกล่าว
รักษาการซีอีโอกล่าวว่า การปรับโครงสร้างกรรมการบริษัท และผู้บริหารระดับสูง ส่งผลให้บริษัทฯ มีคุณสมบัติครบถ้วนในการยื่นขอออกตราสารหนี้หรือตราสารทุนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ โดยครึ่งปีหลังมีภาระหนี้สถาบันการเงินประมาณ 3,200 ล้านบาท และหุ้นกู้จำนวน 5,500 ล้านบาท สามารถชำระได้ด้วยกระแสเงินสดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมที่เข้ามาประมาณเดือนละ 1,000 ล้านบาท แค่ 5 เดือนก็มีประมาณ 5,000 ล้านบาท (หัก Adder ของโครงการที่ครบกำหนดแล้ว) และได้เตรียมวงเงินสำรองจากสถาบันการเงิน และหุ้นกู้ที่จะเสนอขายเพิ่มเติม โดยหุ้นกู้อยู่ระหว่างขั้นตอนการยื่นเอกสารต่อ ก.ล.ต เพื่อเสนอขาย
นายวสุ กลมเกลี้ยง กรรมการ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การเงิน EA กล่าวว่า แผนการออกหุ้นกู้ ยังเดินหน้าต่อ ถ้าติดปัญหาอะไร เช่นขายได้ไม่หมด แบงก์ยังพร้อมสนับสนุน ส่วนที่ขาด ทุกเดือนเรามีรายได้จากค่าไฟฟ้า ราว 1 พันล้านบาท ส่วนหุ้นกู้มี 5,500 ล้านบาท ใช้เวลา 5 เดือนก็ชำระได้ ภาระหนี้ธนาคารปัจจุบันมากกว่า 3,000 ล้านบาท มาจากหลายธนาคาร เช่น SCB,EXIM ,ธนาคารมิซูโฮะ,TTB และอื่นๆ
ด้านนายสมโภชน์ อาหุนัย เปิดความในใจว่า EA เติบโตด้วยนวัตกรรมและทุกโครงการที่ลงทุนมีต้นทุนต่ำและมีความสามารถในการแข่งขันสูง competitive ทำประโยชน์ต่อประเทศ เรือไฟฟ้า และรถเมล์ไฟฟ้า ร่วมลงทุน เข้าไปทำและทำได้จริงๆ แม้ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องทำก็ตาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเพียงไม่เกิน 10 ปี การลงทุนของ EA เกิดจากการออกแบบเอง สร้างได้ วันนี้ EA สามารถออกแบบก่อสร้างโรงไฟฟ้าและแบตเตอรี่ด้วยตัวเราเอง ผลิตรถยนต์เชิงพาณิชย์ วิ่งเต็มถนนในช่วงไม่กี่ปี แตกธุรกิจ ทำสถานีบริการชาร์จคนแรกในเมืองไทย และเป็นผู้นำในประเทศ
EA ทำงานด้วยทีมเวิร์ค คิดว่านายสมโภชน์ เพียงคนเดียวจะทำอย่างนี้ได้ ผมมั่นใจในทีมงาน ขาดผมและคุณอมร เพียง 2 คน เฟืองตัวใหญ่ แต่เฟืองตัวเล็กๆ ก็ยังเดินต่อไปได้ เป็นการร่วมแรงร่วมใจของพนักงาน EA กว่า 3,000 ชีวิตด้วยกัน จะทำให้ประเทศไทยไม่แพ้ประเทศอื่น เพราะ
“เราไม่ได้พูด แต่เราทำจริง สถานีชาร์จ ต้นทุนก็ถูก เป็นปรัชญาเป็นคอนเซ็ปต์ของ EA ทุกโครงการที่เราเข้าไป competitive ตอนนี้ใครจะทำโรงผลิตน้ำมันเติมเครื่องบิน คนอื่นจะต้องไปซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศ แต่เราสร้างเอง จะมีผลิตออกมาหยดแรกในปลายปีนี้ เราจดสิทธิบัตร การชาร์จเร็ว เมืองนอกไม่เคยชาร์จ 5 MW เราไปจดประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่ญี่ปุ่น ยุโรป จีน อาเซียน ขอให้ทุกคนนิ่งๆและใจเย็นๆ เราไม่ใช่ STARK มีมูลค่าหุ้นทางบัญชี บุ๊คไม่กวง ทุกโครงการที่ลงทุนดีขึ้น ธุรกิจรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ก็มี EBITDA เป็นบวกแล้ว NEX ขายรถเมล์มากที่สุด รถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์คุ้ม ลดค่าพลังงาน ถ้าไม่เปลี่ยนรถวันนี้ วันข้างหน้าก็ต้องเปลี่ยน อยากขอโอกาสสำหรับบริษัทไทย”นายสมโภชน์กล่าว
ด้านตลาดหลักทรัพย์ ขึ้นเครื่องหมาย H ในภาคเช้า และ SP ในช่วงบ่าย ห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ EA แต่เปิดให้ซื้อขายหุ้นในกลุ่มตามปกติ ทำให้ราคาหุ้น BYD และ NEX ดิ่งติดฟลอร์ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้คำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน รอความชัดเจนเรื่องผู้บริหารถูกกล่าวโทษและการชำระคืนหนี้สถาบันการเงินและหุ้นกู้ของ EA ก่อน
นอกจากนี้ตลาดได้ถอดหุ้น EA ออกจากรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings มีผลตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2567 เป็นต้นไป
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถอดหุ้น EA ออกจากรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings หลังจากผู้บริหารถูกกล่าวโทษกรณีทุจริตว่า ส่งผลกระทบต่อกองทุน ThaiESG ที่เข้าไปลงทุนหุ้น EA ไม่ถึง 1% หรือมีหุ้น EA ที่ถือไว้ประมาณ 0.34% จากพอร์ต ThaiESG ทั้งหมดกว่า 6,000 ล้านบาท มีผลต่อ NAV ไม่มาก อย่างไรก็ตามสำนักงานก.ล.ต. คงต้องกลับไปทบทวนการให้เรทติ้งหุ้นที่อยู่ Thai ESG ทั้งหมด
ส่วนจะกระทบกับความเชื่อมั่นในตลาดทุนหรือไม่ นายพิชัย ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องยอมรับว่า เป็นทิศทางของโลก ถ้ามีเรื่องแค่นี้แล้วหวั่นไหวคงไม่ได้ เมื่อมีปัญหาต้องแก้กันไป
ด้านบล.กรุงศรี กล่าวกรณีนี้จะทำให้หุ้น EA มีโอกาสหลุดจากดัชนี SET50 และ SET100 หรือไม่ การอ้างอิงเกณฑ์ของตลาดฯ หากถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ติดต่อกันเกิน 20 วันทำการ ตลาดฯ จะพิจารณานำหุ้นออกจากดัชนี (พิจารณาทุกสิ้นเดือน) ดังนั้นมีโอกาสที่หาก EA ไม่สามารถปลด SP ได้ภายในเดือนส.ค. จะถูกปลดออกจากดัชนี SET50 และ SET100 ในเดือนก.ย. หรือหากมีกรณีอื่นๆ เข้ามาแทรก เช่น บริษัทผิดนัดชำระหนี้แล้ว, หรือหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ สั่งให้ตรวจสอบงบการเงินเป็นกรณีพิเศษ อาจทำให้ถูกออกจากดัชนีเร็วกว่านั้น
ดังนั้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน EA เริ่มมีความเสี่ยงที่จะหลุดจากดัชนี SET50 และ SET100 บ้างแล้ว หาก EA หลุดหุ้น KCE และ SAWAD ตัวใดตัวหนึ่งจะได้เข้าดัชนี SET50 แทน คาดว่า KCE มีโอกาสมากกว่า ส่วน COCOCO มีโอกาสได้เข้าดัชนี SET100
สำหรับความเสี่ยงเรื่องผิดนัดชำระหนี้และหุ้นกู้ของ EA ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นแบงก์ส่วนใหญ่ปรับตัวลง โดยเฉพาะ SCB เจ้าหนี้รายใหญ่ ราคาร่วงลง 3.29% และ TTB -2.21% อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ยังคงให้น้ำหนักกลุ่มแบงก์มากกว่าตลาด แม้ SCB มีการปล่อยสินเชื่อมาก แต่ 90% เป็นสินเชื่อโรงไฟฟ้า มีกระแสเงินสดรองรับ ส่วนTTB ปล่อยสนเชื่อเพียง 500 ล้านเท่านั้น
บล.ธนชาตมองการกล่าวโทษผู้บริหาร EA เป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลรุนแรงต่อธุรกิจและสถานการณ์การเงินของบริษัท ที่มีหนี้สินรวม 6.4 หมื่นล้านบาท ราวครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้ยืมจากธนาคาร และอีกครึ่งหนึ่งเป็นหุ้นกู้ เชื่อว่าหนี้สินส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจ EV ซึ่งปัจจุบันกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนในมุมของการสร้างกระแสเงินสด แม้ว่ายังมี EBITDA จากธุรกิจพลังงานทดแทนอยู่ที่ 10 / 9 พันล้านบาทในช่วงปี 2567-2568 เทียบกับดอกเบี้ยจ่ายที่ 2.4/2.1 พันล้านบาท และยังมีกระแสเงินสดในมือ 2.2 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามมองว่ามีความเสี่ยงต่อการออกหุ้นกู้ใหม่ในช่วงที่มีความเชื่อมั่นต่อบริษัทฯอยู่ในระดับวิกฤตนี้ โดยมีหุ้นกู้ 5.5/2 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดในปี 2567-2568 ซึ่งก่อนที่ถูกกล่าวโทษจากก.ล.ต. บริษัทเริ่มกระบวนการออกหุ้นกู้มูลค่า 5.5 พันล้านบาทในปลายเดือนก.ค. เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ 1.5 และ 4 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระคืนในเดือนส.ค. และก.ย.นี้
ด้านกองทุนรวม ได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้นกับ EA เช่นกัน โดยกองทุนตราสารหนี้และกองทุนผสมที่มีการลงทุนในหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินระยะสั้นของ EA ทำให้บลจ.ได้แจ้งการคัดแยกหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินระยะสั้นของ EA ออกจากทรัพย์สินอื่นๆของกองทุนรวม (Set Aside) และไม่นำตั๋วแลกเงินระยะสั้น EA มาคำนวณรวมใน NAV ของกองทุนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2567 เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยลงทุน โดยบลจ.ที่แจ้งการ Set Aside หุ้นกู้ EA ออกแล้ว ได้แก่ บลจ.อีสท์สปริง ที่มี 7 กองทุนลงทุนหุ้นกู้ และบลจ.แอสเซท พลัส มี 4 กองทุนลงทุนในตั๋วแลกเงิน มูลค่ารวม 1,160 ล้านบาท และยังมีบลจ.ไทยพาณิชย์ ที่มีการลงทุนในหุ้นกู้ของ EA ในหลายกองทุน แต่ยังไม่ได้ชี้แจงข้อมูล
ในส่วนของกองทุนหุ้น ส่วนใหญ่ลงทุนหุ้น EA ในกลุ่มกองทุนดัชนี (Passive Fund) โดยเป็นไปตามนโยบายกองทุนที่ต้องลงทุนหุ้นตามดัชนีอ้างอิง เช่น SET50, SET100 ทำให้กองทุนถือลงทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตลาดหุ้นระหว่างวัน ดัชนีร่วงลงแรงมากกว่า 10 จุด ตามแรงขายหุ้นธนาคาร สุดท้ายดัชนีปิดที่ระดับ 1,327.43 จุด ลดลง 4.61 จุด หรือ -0.35% มูลค่าซื้อขาย 33,603.98 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 2,105 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 442.72 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 2,219 ล้านบาท
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลง รับแรงขายจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ เนื่องจากเป็นเจ้าหนี้ของ EA วิตกจะได้รับผลกระทบไปด้วย และผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ในไตรมาส 2 คาดว่าจะชะลอตัวลงด้วย จากที่เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวเท่าไร
ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบหลังจากที่ GDP ไตรมาส 2 ของจีนออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวลงมาก ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังบวกได้บาง ๆ เนื่องจากจีนมีการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ มีความคาดหวังจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งยอดค้าปลีก, ดัชนีภาคการผลิต และตัวเลขเกี่ยวกับบ้าน ส่วนในประเทศก็ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ และรอดูการชี้แจงของ EA ตามที่ตลาดสอบถาม