HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นได้แรงหนุนหลังถ้อยแถลงประธานเฟดหนุนโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยใน ก.ย. แนวต้านดัชนี 1,330 – 1,340 จุด ส่วนแนวรับ 1,315–1,320 จุด แนะเก็งกำไร DELTA,HANA,KCE,SVI ได้กระแสบวกกลุ่มเทคฯสหรัฐ, กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF,GPSC,BGRIM รับกกพ.เตรียมปรับขึ้นค่า FT งวด ก.ย. – ธ.ค.67 เสิร์ฟหุ้นเด่น TACC-BANPU
บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,315 – 1,320 จุด โดยมีแนวต้าน 1,330 – 1,340 จด ได้ปัจจัยหนุนจากคาดกาณ์เฟดจะลดดอกเบี้ยใน ก.ย. และความคืบหน้า มาตรการดิจิทัล วอลเล็ต แนะนำซื้อเก็งกำไร DELTA,HANA,KCE,SVI ได้กระแสบวกกลุ่มเทคฯสหรัฐ, กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF,GPSC,BGRIM จาก กกพ.เตรียมปรับขึ้นค่า FT งวด ก.ย. – ธ.ค. 67
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.09% ขณะที่ S&P500 +1.02%, Nasdaq +1.18% ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป หลัง ประธานฟดแถลงนโยบายเศรษฐกิจและการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาผู้แทนฯ ชี้เฟดไม่ได้ตั้งเป้าคุมเงินเฟ้อเท่านั้น แต่ยังต้องรักษาระดับการจ้างงาน เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ดังนั้นเฟดจะไม่รอจนเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2% จึงจะลดดอกเบี้ย จากถ้อยแถลงดังกล่าว CME Fed Watch ชี้โอกาส 74% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย. นี้ ข้อมูลเศรษฐกิจ
ค่ำวันนี้ติดตาม US CPI มิ.ย. คาดที่ 3.1% และพ.ค. 3.3% YoY , วันศุกร์ US PPI มิ.ย.คาดทรงตัวที่ 2.2% YoY และรายงานกำไร Q2/67 กลุ่มธนาคารเช่น JP.Morgan, Citi Group, Wells Fargo
ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.289%
หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ BANPU (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 6.45 บาท) แนวโน้ม 2Q67 คาดผลการดำเนินงานปกติมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ QoQ โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ที่เคยถูกถ่วงด้วยปัจจัยทางด้านราคาขายน่าจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากราคาก๊าซฯ อ้างอิง Henry Hub ที่ขยับขึ้นมา ด้านราคาประเมินว่าน่าจะฟื้นต่อใน 3Q67 เพราะเป็นฤดูกาลเก็บสต๊อกก่อนเข้าฤดูหนาว
ส่วนทางธุรกิจถ่านหินมีปัจจัยหนุนจากราคาขายและปริมาณที่เพิ่มขึ้น QoQ ตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย รวมถึงธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าในประเทศไทยที่เข้าช่วง high season ของความต้องการใช้ไฟฟ้า ด้าน Valuation เทรดต่ำ Book มาก มองว่า downside น้อยในช่วงตลาดผันผวน
หุ้น TACC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 6.55 บาท) กำไรสุทธิ 1Q67 +YoY +QoQ หนุนจากสภาพอากาศร้อนเป็นบวกต่อสินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม, การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ, และการขายในกัมพูชาตาม 7-11
ด้านการดำเนินงาน 2Q67 แม้อาจมีปัจจัยลบจากแนวโน้มราคากาแฟ(ต้นทุน)ที่สูงขึ้น แต่เบื้องต้นคาดว่า ภาพรวมจะเป็นบวกได้ต่อจาก 1.แรงหนุนเชิงรายได้ตามสภาพอากาศร้อนจัดในเดือน เม.ย.-พ.ค.67 2.การออกสินค้าใหม่ๆเพื่อชดเชยมาร์จิ้น เช่น เจลี่ คอลลาเจน เป็นต้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี 67 และ68 กำไรสุทธิของ TACC จะอยู่ที่ระดับ 243 ล้านบาท (+17.61%YoY) และ 270 ล้านบาท(+10.97%YoY) ตามลำดับ