เอชเอสบีซีฯแนะ4กลยุทธ์ลงทุน ชูตราสารหนี้-หุ้นคุณภาพ

HoonSmart.com>>เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้ง แนะ 4 กลยุทธ์ลงทุนครึ่งปีหลังชูตราสารหนี้และหุ้นคุณภาพ โอกาสเติบโต-ผลกำไรดี

นางฟาน ชุค วาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชีย เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวทแบงก์กิ้งแอนด์เวลธ์ เผย ธนาคารฯ มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และยังคงเน้นการลงทุนด้วยการลดสัดส่วนเงินสดไปเพิ่มการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ด้วยเราเชื่อว่าปัจจุบันได้ผ่านจุดสูงสุดของอัตราดอกเบี้ยตราสารหนี้และจุดต่ำสุดของภาวะเศรษฐกิจโลกมาแล้ว ซึ่งหมายความว่าผลการดำเนินงานของพอร์ตการลงทุนต่อไปจะขับเคลื่อนด้วยสองปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ที่สูงดึงดูดนักลงทุนและการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจ

ทั้งนี้ โอกาสเติบโตของกำไรของภาคธุรกิจได้รับแรงหนุนจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นและแรงกดดันด้านต้นทุนที่เริ่มคลี่คลาย โดยอุปสงค์ภายในประเทศของสหรัฐฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ในขณะที่เศรษฐกิจในยุโรป และสหราชอาณาจักรก็เริ่มฟื้นตัว ซึ่งคาดการณ์ว่าในปีนี้การเติบโตของจีดีพีโลกและสหรัฐฯ จะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคงที่ 2.6% และ 2.4% ตามลำดับ
นอกจากนั้น มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ล่าสุดของจีนจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอยู่ที่ 4.9% ในปีนี้
ส่วนเศรษฐกิจอินเดียจะยังคงเติบโตสูงกว่าคาดการณ์ในหลายด้าน ซึ่งสอดคล้องกับที่เคยประเมินเอาไว้ว่า เศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตที่ 7.3% ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้ภายใต้แรงผลักดันจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนี้กำลังขยายภาพการลงทุนไปยังภูมิภาคและอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นในพอร์ตการลงทุนหุ้นทั่วโลกของเรา เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนและค้นหาหุ้นที่น่าสนใจในราคาที่สมเหตุสมผล

4 กลยุทธ์การลงทุนครึ่งหลังปี 2567

นางฟาน แนะนำ 4 กลยุทธ์การลงทุนครึ่งปีหลัง ได้แก่
1.ขยายการลงทุนในหุ้นให้ครอบคลุมหลากหลายภูมิภาคและอุตสาหกรรม จากเศรษฐกิจที่ดีขึ้นอันส่งผลต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทต่างๆ ในหลายภูมิภาคและหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น

2.นำเงินสดไปลงทุนในตราสารหนี้และใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์หลายประเภท อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้อยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี การจัดสรรเงินลงทุนในตราสารหนี้และกลยุทธ์การลงทุนแบบผสมผสานในสินทรัพย์หลายประเภทสามารถช่วยสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการกระจายความเสี่ยงของพอร์ต

3.ลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาดและโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private assets) มอบผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดหลักทรัพย์เมื่อเทียบในระยะยาว

4.ปลดล็อกสู่โอกาสที่ดีที่สุดในเอเชีย เอเชียยังคงเป็นกลไกการเติบโตที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของจีดีพี 4.7% และอัตราการเติบโตของผลตอบแทน 23% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก
“ให้น้ำหนักการลงทุนกับหุ้นญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ซึ่งเรามองเห็นโอกาสดีที่สุดในการเข้าถึงธีมการเติบโตเชิงโครงสร้างของเอเชีย และมีมุมมองที่เป็นกลางต่อหุ้นฮ่องกงและจีน”
นางฟาน กล่าว