“คิงส์ฟอร์ด” มองตลาดยังถูกกดันจากการเมือง แนะ TEGH-KLINIQ

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐลดลง ผลประชุมเฟดคงดอกเบี้ย ชี้โอกาสลดดอกเบี้ย 1 ครั้งปีนี้ ด้านปัจจัยการเมืองในประเทศยังเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นต่อไปอีก 1 สัปดาห์ หลังศาลรธน.นัดฟังคำสั่งอีกครั้งคดียุบก้าวไกล 18 มิ.ย. มองแนวต้านดัชนีที่ 1,325 – 1,330 จุด ส่วนแนวรับ 1,305 – 1,313 จุด แนะซื้อเก็งกำไร DELTA,KCE จากเทรนด์ Ai ,บอนด์ยีลด์ลดลง หุ้น BEM, CK รับข่าวศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคคีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ,พักเงินในกลุ่มปลอดภัย “BH,BDMS,TU” หุ้นเด่นวันนี้ TEGH,KLINIQ

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,305 – 1,313 จุด แนวต้าน 1,325 – 1,330 จุด คาดได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อสหรัฐลดลง และโอกาสลดดอกเบี้ยสหรัฐปีนี้ 1 – 2 ครั้ง กอปรปัจจุบัน SET เทรดบน F/PE 14.1 เท่า ซึ่งอยู่ในโซนไม่แพง แนะนำซื้อเก็งกำไร DELTA,KCE ได้แรงหนุนจากเทรนด์ Ai และ US Bond Yield ลดลง BEM, CK รับข่าวศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้องคคีรถไฟฟ้าสายสีส้ม และพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น BH,BDMS,TU

ส่วนปัจจัยเมือง ศาลรัฐธรรมนูญเรียกพยานหลักฐานเพิ่มเติมในคดียุบพรรคก้าวไกล และกรณีคุณสมบัตินายก ฯ เศรษฐาในวันที่ 17 มิ.ย. และนัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย. ดังนั้นปัจจัยการเมืองยังเป็นประเด็นกดดันตลาดหุ้นต่อไปอีก 1 สัปดาห์

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.09% สวนทาง S&P500 +0.85%, Nasdaq +1.53% ได้แรงหนุนหลัง US Core CPI พ.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 3.4% และเม.ย. 3.6% YoY และ พ.ค. 0.2% และเม.ย. 0.3% MoM ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

ขณะที่ผลการประชุมเฟดมีมติคงดอกเบี้ยที่ 5.25 – 5.5% และ Dot Plot ชี้โอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้ลดลงเหลือเพียง 1 ครั้ง อยู่ที่ที่ 5.1% และ มี.ค. คาดจะลด 3 ครั้ง อยู่ที่ 4.6% เนื่องจากเฟดคาดเงินเฟ้อสหรัฐปีนี้ยังอยู่ระดับสูงที่ 2.8% และ มี.ค. คาดที่ 2.6% โดยเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 4 ครั้งละ 0.25% ในปี 68 และ ปี 69 และเงินเฟ้อปี 68 คาดลดลงอยู่ที่ 2.3%, ปี 69 คาดที่ 2.0% อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดไม่ได้ปิดโอกาสที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ หากเงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกหนุนกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ

หุ้น TEGH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.30 บาท) ประเด็นการลงทุนมอง Earnings momentum ของกำไรปกติจะดีขึ้นต่อเนื่องในช่วง 2Q-3Q67 ตามทิศทางราคายางพาราในตลาด SICOM ที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงจะเริ่มส่งมอบยางมาตรฐาน EUDR ตามสัญญาในเดือน มิ.ย.ไปยุโรป ซึ่งจะมีราคาขายและกำไรสูงกว่ายางทั่วไป โดยบริษัทตั้งเป้าขายยาง EUDR ราว 1.5 แสนตันในปี 67 คิดเป็น 60% ของปริมาณขายรวม ถ้าเป็นตามคาดก็จะทำให้ GPM สูงขึ้นอย่างมีนัย

ส่วนธุรกิจปาล์มที่เป็นตัวฉุดใน 1Q67 น่าจะดีขึ้นตามสภาพอากาศที่เปลี่ยนเป็น la Nina เอื้ออำนวยต่อปริมาณผลผลิตปาล์มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนปาล์มน้ำมันลดลง ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดประเมินกำไรปี 67-67 ที่ 432 ล้านบาท +100%YoY และ 555 ล้านบาท +28%YoY

หุ้น KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท) ทาง KLINIQ ยังคง maintain เป้ารายได้ปี67 นี้ที่ 3,000 ล้านบาท โตราว +30% มาร์จิ้นยังคาดปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน(ซึ่งยังสูงกว่าประมาณการของเรา/รายได้ที่ 2,906 ล้านบาท) ส่วนเป้าขยายสาขาใหม่ในช่วงที่เหลือของปี67 อยูที่ 9 สาขาจะเป็น THE KLINIQUE 1 สาขา/ไตรมาส และ L.A.B.X 2 สาขา/ไตรมาส ด้าน SSSG ของต้น 2Q67 +16%YoY

ปัจจุบัน เรายังมองบวกต่อ KLINIQ แม้ว่า 1Q67 จะสะดุดบ้าง QoQ แต่เราคาด 2Q67 มีโอกาสที่จะเห็นการกลับมาเติบโตดีอีกครั้งหลังสาขาที่เปิดใหม่ 10 สาขาใน 1Q67 สามารถ contribute รายได้มาเต็มไตรมาส โดยเรายังคงคาดกำไรสุทธิ ปี67 และ ปี68 ที่ระดับ 352 ล้านบาท ( +22.06%YoY) และ 445ล้านบาท (+26.32%YoY)