ถึงคิวเชือด”เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” ปล่อยตปท.ขายไม่มีหุ้นในพอร์ต

รายย่อยเสียเปรียบเป็นประจำ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ถูกปรับ ฐานปล่อยให้ลูกค้าต่างชาติขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นในพอร์ต ตามหลัง บล. เอเชียเวลท์ -ดีบีเอส วิคเคอร์ส ถูกลงโทษแล้ว ส่วนผู้แนะนำการลงทุนหลายคน ถูกลงโทษหนัก โกงลูกค้า มูลค่าหลายร้อยล้านบาท ก.ล.ต.แฉ ได้รับร้องเรียนลูกค้าถูกหลอกซื้อหุ้นไอพีโอเยอะมาก เตือนให้ตรวจสอบก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน

แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ลงโทษปรับ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) หลังตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยให้ลูกค้าต่างชาติขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นในพอร์ต หรือ ทำ Naked Short นับเป็นโบรกเกอร์รายที่ 3 ที่ถูกลงโทษ หลังจากบล.เอเชียเวลท์ ถูกปรับเป็นรายแรก ตามด้วย บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย ) ซึ่งนอกจากปรับบริษัทหลักทรัพย์แล้ว ยังมีการเรียกคืนผลประโยชน์จากลูกค้าต่างชาติที่ได้มาจากการกระทำความผิดด้วย

“โบรกเกอร์จะอ้างว่า ไม่รู้ข้อมูลของลูกค้า หรือตรวจสอบพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติไม่ได้ จึงเปิดโอกาสให้เกิดการเอาเปรียบกัน ฟังไม่ขึ้น บริษัทหลักทรัพย์จะต้องสร้างระบบมาดูแล และจะต้องปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับนักลงทุนทุกคน ซึ่งเชื่อว่ายังมีโบรกเกอร์อีกหลายแห่งที่ปล่อยให้ลูกค้าต่างชาติทำ Naked Short” แหล่งข่าวกล่าว


นอกจากนี้ ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์หลายคน ถูกลงโทษ ฐานเอาเปรียบลูกค้า การกระทำความผิดมีความรุนแรงมากขึ้น และสร้างความเสียหายจำนวนมาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์( ก.ล.ต.) ล่าสุด สั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ นางสาวปัญจภัทร สุขโข และกำหนดระยะเวลาในการรับพิจารณาคำขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนางสาวปัญจภัทร เป็นเวลา 6 ปี 8 เดือน ฐานกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน

ทั้งนี้ นางสาวปัญจภัทร ขณะกระทำผิดสังกัดบล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย) ชักชวนลูกค้ารายหนึ่งซื้อหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนครั้งแรก(ไอพีโอ) และให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัวจำนวนกว่า 5.49 แสนบาท เพื่อชำระค่าซื้อหุ้น และทำสัญญาขายหุ้นกับลูกค้าจำนวน 3 ฉบับ โดยอ้างว่าจะคืนเงินค่าขายหุ้นดังกล่าวให้ลูกค้าภายหลังที่หุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ปรากฏว่านางสาวปัญจภัทรไม่ได้ซื้อหุ้นตามข้อตกลง ได้ปกปิดข้อเท็จจริงและสร้างหลักฐานว่าเป็นการขายหุ้นไอพีโอ เพื่อให้ลูกค้าหลงเชื่อว่า ผู้แนะนำมีหุ้นอยู่จริง รวมทั้งสร้างหลักฐานว่าเป็นการกู้ยืมเงินจากลูกค้า ทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย

ก.ล.ต. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าเกี่ยวกับพฤติกรรมของนางสาวภัทรวดี จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ได้สั่งซื้อขายหุ้นในบัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าก่อนแล้วจึงแจ้งให้ทราบภายหลัง โดยลูกค้าไม่ได้โต้แย้งหรือทักท้วง นอกจากนี้ได้ได้ทำเอกสารและแจ้งข้อมูลรายการซื้อขายหลักทรัพย์ รวมทั้งยอดกำไรขาดทุนจำนวนหลายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าโดยไม่ตรงตามความเป็นจริง

สำนักงานก.ล.ต.เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ก.ล.ต.ได้รับแจ้งเรื่องการชักชวนให้ลงทุนในหุ้นไอพีโอ ผ่านผู้แนะนำการลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์หลายกรณีและได้ลงโทษไปแล้วหลายราย ดังนั้น ก.ล.ต. ขอเตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังการชักชวนซื้อหุ้นไอพีโอ โดยให้ตรวจสอบก่อนว่าหุ้นที่นำมาชักชวนมีการยื่นขอเสนอขายกับ ก.ล.ต. หรือเข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือไม่ โดยอาจสอบถามจากบริษัทหลักทรัพย์ต้นสังกัดของผู้แนะนำการลงทุนโดยตรง หรือสอบถามจาก ก.ล.ต. หรือตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ผู้ลงทุนไม่ควรโอนเงินให้ผู้แนะนำการลงทุนโดยตรง เพราะอาจเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตเงินของผู้ลงทุนได้

เมื่อเร็วๆนี้ ก.ล.ต.ได้ สั่งพักนางสาวภัทรวดี ชัยมี ผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ เป็นเวลา 1 ปี ขณะกระทำผิดสังกัดบล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) สาขาสุรินทร์ ฐานรับมอบหมายในการตัดสินใจซื้อขายแทนและแจ้งข้อมูลไม่ตรงตามความจริง ระหว่างเดือนส.ค. 2559 ถึงเดือนส.ค.2560 คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายสูงถึงประมาณ 830 ล้านบาท

นอกจากนี้ ก.ล.ต. สั่งพักการให้ความเห็นชอบผู้แนะนำการลงทุนด้านตลาดทุน นางสาวสุชาดา กางถัน เป็นเวลา 1 ปี 3 เดือนฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ โดยรับมอบหมายในการซื้อขายรวมทั้งซื้อขายหลักทรัพย์โดยลูกค้าไม่ได้สั่ง หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า จึงตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงเดือนต.ค. 2558 – เม.ย. 2560 นางสาวสุชาดาขณะเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านตลาดทุนอยู่ที่ บล. กิมเอ็ง ได้สั่งซื้อขายหุ้นให้ลูกค้ารายหนึ่งก่อนและแจ้งให้ลูกค้าทราบในภายหลัง มีมูลค่าการซื้อและขายรวมกันสูงกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งตลอดช่วงเวลาดังกล่าวลูกค้ายอมรับการทำรายการโดยไม่ทักท้วง และชำระค่าซื้อขายหุ้นในบัญชี

ต่อมาในเดือนมิ.ย. 2560 นางสาวสุชาดาได้ย้ายไปเป็นผู้แนะนำการลงทุนอยู่ที่ บล. หยวนต้า นางสาวสุชาดายังคงมีพฤติกรรมสั่งซื้อและขายหุ้นในบัญชีลูกค้ารายเดิมก่อนแจ้งให้ลูกค้าทราบในภายหลังอีกเป็นจำนวนรวมกว่า 30 ล้านบาท หลังจากนั้น ลูกค้าได้แจ้งนางสาวสุชาดาไม่ให้สั่งซื้อขายหุ้นแทนอีก แต่นางสาวสุชาดายังคงซื้อขายหุ้นโดยที่ลูกค้าไม่ได้สั่งเป็นจำนวนรวมกันกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นเหตุให้ลูกค้าได้รับความเสียหายจำนวนมาก

รายงานข่าวจากก.ล.ต. ระบุว่า ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ มีการลงโทษทางบริหาร ผู้แนะนำการลงทุนรวม 5 ราย เป็นจำนวนที่ลดลงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับทั้งปี 2560 มีจำนวน 12 และ 33 ราย ในปี2559 แต่ในครึ่งปีหลัง มีการลงโทษผู้แนะนำจำนวนมาก