CGSI หั่นเป้า SET ปีนี้เหลือ1,480 ต่างชาติหนีการเมืองยุ่ง หุ้นเฉา 3 เดือน

HoonSmart.com>>หุ้นไทยลงไม่เลิก ร่วงต่อ 8 จุด ต่างชาติทิ้งต่อ 2,243 ล้านบาท บล.CGSI ปรับลดเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ลง 5 % อยู่ที่ 1,480 จุด จากเดิมคาดไว้ 1,560 จุด ความไม่แน่นอนทางการเมืองจะกดดันตลาดไปอีก 2-3 เดือน เน้น 6 หุ้นแกร่ง AMATA, BBL, CPALL, GFPT, PTTEP, SCB ,TU “ทรีนีตี้ ”มองหุ้นเดือนมิ.ย.ผันผวนจากการเมือง ไม่หลุด 1,300 แนะถือหุ้นที่สะสมแถว 1340-1350 จุด คัดหุ้น 3 กลุ่มน่าลงทุน 1. กลุ่มที่จะถูกนำเข้าคำนวณดัชนี SET50/SET100 และ Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจเลือก BJC 2. กลุ่ม Defensive หุ้นโรงพยาบาลรับมือตลาดผันผวน BDMS, BCH, CHG และ3. กลุ่มส่งออกที่ Laggard COCOCO, MALEE, PLUS, TU บล.เอเซียพลัส ชูหุ้นกำไรดีในช่วงฤดูกาล TU, SNNP, SJWD หุ้นรอรับแรงหนุนสภาพคล่อง GULF, BBL, ADVANC, MTC ด้านกลุ่มเจมาร์ทตกเป็นเป้าถล่ม ดิ่งยกแผง กระฉ่อน BTS ขายทิ้ง ตามหุ้น KEX หรือ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ด้าน SINGER – SGCยันเทิร์นอะราวด์ปี 67 เผย SG Finance ดีกว่าที่คาด ไม่มีตั้งสำรองก้อนใหญ่ จ่ายคืนหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านบาทในเดือนก.ย.นี้แล้ว

ตลาดหุ้นวันที่ 4 มิ.ย.2567 ตลาดเปิดบวก ดัชนีวิ่งขึ้นไปสูงสุดแตะ 1,354.75 จุด แต่เจอแรงขายทุบตลาดไหลลงเฉียดต่ำสุด ปิดที่ 1,337.32 จุด -8.34 จุดหรือ -0.62% มูลค่าซื้อขาย 45,875.78 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติทิ้งต่อ -2,243.42 ล้านบาท แรงขายกระจายในหุ้นทุกขนาด เจาะกลุ่มเจมาร์ทดิ่งยกแผง จากกระแสข่าว BTS รอเทกระจาดเลิกลงทุน เหมือนกรณีขายหุ้น KEX หรือ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทย ลงวันที่ 31 พ.ค.2567 ว่า ปรับลดเป้าดัชนี SET สิ้นปี 2567 เป็น 1,480 จุด จกเดิมคาดไว้ที่ 1,560 จุด เพราะตลาดได้รับผลกระทบจากคดีสำคัญทางการเมือง 3 คดี คดีนายทักษิณ ผิดมาตรา 112, คดีถอดถอนนายกรัฐมนตรี เศรษฐา และคดียุบพรรคก้าวไกล ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองน่าจะกดดันตลาดไปอีก 2-3 เดือน แนะนำหุ้นTop pick ได้แก่ AMATA, BBL, CPALL, GFPT, PTTEP, SCB และ TU

” อดีตนายกฯ ทักษิณถูกฟ้องผิดมาตรา 112 และพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เราเชื่อว่าคดีนี้แสดงให้เห็นถึงรอยร้าวในรัฐบาลผสม โดยเฉพาะระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่วนกรณี นายกฯ เศรษฐา อาจถูกตัดสินว่ามีความผิด ถูกถอดถอนจากการแต่งตั้งรัฐมนตรี เราเชื่อว่าน.ส. แพทองธาร ชินวัตร น่าจะขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทน ส่วนพรรคก้าวไกลอาจถูกยุบพรรค ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อทั้งเศรษฐกิจไทยและ sentiment ตลาด จึงปรับเป้าดัชนี SET สิ้นปีลงเป็น 1,480 จุด ซึ่งจะเท่ากับ P/E 15 เท่า จากประมาณการปี 2568 จากเดิมที่ 1,560 จุด (P/E 15.9 เท่า มองว่า Downside risk จะมาจากความวุ่นวายทางการเมือง, เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและการที่เงินทุนต่างชาติไหลออกเพิ่มขึ้น ส่วนปัจจัยบวกที่น่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยคือการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมาใช้อีกครั้ง, การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไทยและต่างประเทศและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่แข็งแกร่ง ”

ด้านนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ มองภาพตลาดหุ้นในเดือนมิ.ย. คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวผันผวนไปกับพัฒนาการของปัจจัยการเมือง อย่างไรก็ตาม หากตัดปัจจัยการเมืองออกไป จะพบว่าปัจจัยพื้นฐานล่าสุดของตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางไหนที่สำคัญ ประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ยังคงทรงตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน เมื่อมาประกอบกับมาตรการ Uptick rule ที่คาดว่าจะถูกบังคับใช้ได้ในเดือนมิ.ย. ทำให้ประเมิน Downside ของ SET Index ณ ปัจจุบันเริ่มอยู่ในกรอบจำกัด

ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำนักลงทุนที่ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นในกรอบ 1,340-1,350 จุดในช่วงปลายเดือนก่อนตามที่เราแนะนำ สามารถถือครองหุ้นไว้ได้ ถ้าหากเกิดความยุ่งเหยิงทางการเมืองจนเกิดภาวะ Political discount ประเมินแนวรับสำคัญที่ไม่น่าหลุดในเดือนนี้ได้แก่บริเวณดัชนี 1,300 จุด ซึ่งแนะนำใช้เป็นบริเวณแนวรับถัดไป

สำหรับพอร์ตที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนที่บริเวณแนวรับดัชนี ได้แก่ 1.กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50/SET100 และ Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ เลือก BJC 2.กลุ่ม Defensive เช่น โรงพยาบาล เพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยการเมืองในประเทศ อาทิ BDMS, BCH, CHG 3.กลุ่มส่งออกที่ยังคงปรับตัว Laggard ได้แก่ COCOCO, MALEE, PLUS, TU

บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพเศรษฐกิจในช่วงเดือนมิ.ย. เข้าสู่จุดเปลี่ยนจากปัจจัยทิศทางดอกเบี้ยโลกเป็นขาลงที่อาจเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน และความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังบดบัง การทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบจ. ประกอบกับรอมาตรการเสริมประสิทธิภาพตลาดหุ้นไทย รวมถึงความคืบหน้า LTF เข้ามาหนุนสภาพคล่องตลาดฯ

กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ยังคงเน้นทยอยสะสมหุ้นแนวโน้ม กำไรโตต่อในช่วงฤดูกาล TU, SNNP, SJWD และหุ้นที่เป็น เป้าหมายของ Fund flow ในระยะถัดไป คือ GULF, BBL, ADVANC, MTC หมุนเวียนเข้ามาในพอร์ตตามจังหวะที่เหมาะสม