“คิงส์ฟอร์ด”คาดดัชนีทรงตัวรอผลประชุม ECB แนะ KCE-TU

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองแนวโน้มหุ้นวันนี้ คาดดัชนีทรงตัวรอผลการประชุม ECB วันพฤหัสนี้ หากลดสัญญาณบวกบ่งชี้นโยบายการเงิน ธนาคารกลางหลักเริ่มผ่อนคลาย ด้านราคาน้ำมันดิบร่วงแรง 3.6% หลังโอเปกมีมติลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 68 แต่เปิดช่องให้สมาชิกเลือกแนวทางปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ ต.ค. เป็นต้นไป แนะนำทยอยซื้อ GFPT, OSP, ITC ได้แรงหนุนจากคาดการณ์กำไร Q2 นี้ฟื้นตัวตามอุปสงค์ต่างประเทศ พร้อมเสิร์ฟหุ้นวันนี้ KCE-TU

บริษทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,335 – 1,340 จุด แนวต้าน 1,350 – 1,355 จุด คาดทรงตัวรอผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้ หากลดสัญญาณบวกบ่งชี้นโยบายการเงิน ธนาคารกลางหลักเริ่มผ่อนคลาย แนะนำทยอยซื้อ GFPT, OSP, ITC ได้แรงหนุนจากคาดการณ์กำไร Q2 นี้ฟื้นตัวตามอุปสงค์ต่างประเทศ

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.30%, S&P500 +0.11%, Nasdaq +0.56% กลุ่มเทคโนโลยี Nvidia +4.9% หลังเปิดตัวชิป AI รุ่นใหม่ รูบิน ในปี 2569 ขณะที่กลุ่มพลังงานปรับลดลงตามราคาน้ำมัน โดยการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ควานนี้ประสบปัญหาเทคนิค Limit up Limit Down เพื่อคุมความผันผวนของราคาหุ้น ส่งผลให้หุ้น A-Class ของเบิรก์เชียร์ แฮธาเวย์ -99.9%, บาร์ริค โกลด์ -98.5% ก่อนจะแก้ไขเป็นปกติ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐ พ.ค. ลดลงอยู่ที่ 48.7 และ เม.ย. 49.2 ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน กอปรกับ US Core PCE เม.ย. ทรงตัวอยู่ที่ 2.8% YoY และ เม.ย. 0.2% และ มี.ค. 0.3% MoM บ่งชี้ภาคการผลิต และ เงินเฟ้อสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 52.6% เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ใน ก.ย. นี้ สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ พ.ค. คาด 185,000 และเม.ย. 175,000 ราย , อัตราว่างงาน พ.ค. คาดทรงตัวที่ 3.9%

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.77 ดอลลาร์ หรือ -3.6% ปิดที่ 74.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วน Brent ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.75 อยู่ที่ 78.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

หลังโอเปกมีมติลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปี 68 แต่เปิดช่องให้สมาชิก 8 ชาติสามารถเลือกแนวทางการปรับลดกำลังการผลิตแบบสมัครใจอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ ต.ค. เป็นต้นไป

หุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ KCE (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 52.00 บาท) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 67 เติบโตราว 4-7%YoY และ GPM ที่ 24% โดยคาดยอดขายมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นใน 2Q67 ต่อเนื่อง 3Q67 จากที่ล่าช้าในช่วง 1Q67 อัตรากำไรขั้นต้นคาดทยอยเพิ่มจาก 1Q67 ที่ 23% จากการประหยัดต่อขนาด การลดต้นทุนด้วยระบบ Automation และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ HDI จากความต้องการในตลาด high technology และขยายฐานลูกค่าไปกลุ่ม telecom และ server เชื่อมโยงกันความต้องการด้าน AI ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท +22%YoY และ 2.3 พันล้านบาท +12%YoY

หุ้น TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี 67 19.50 บาท) กำไรปกติ 1Q67 อยู่ที่ 892 ล้านบาท (+10.60%YoY, -24.12%QoQ) สามารถกลับมาฟื้นตัวได้ดีYoY ในส่วน ของ operation หลักจากธุรกิจ Petcare และ Ambient Seafood

ส่วน 2Q67 เราคาดเห็นกำไรแกว่งขึ้น YoY QoQ จาก 1.ฐานต่ำปกติใน 2Q66 จากในช่วงเวลาดังกล่าว Inventory คู่ค้าอยู่ในระดับสูงจึงไม่ออเดอร์สินค้าใหม่ 2.คาดต้นทุนราคาปลาทูน่าอยู่ในระดับต่ำ 1,300-1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน (จากช่วง 2Q66 ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ) ทั้งนี้ราคาปลาทูน่าที่มีโอกาสแกว่งจากโซนล่าง(ราว1,300ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตันใน 1Q67)ขึ้นบน(แต่ไม่สูงเกินไป ไม่สูงกว่า 1,800 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน โดย เม.ย.67 อยู่ที่ 1,375 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน) นอกจากต้นทุนสินค้าใน Inventory ถูกแล้ว ยังดีต่อการปรับราคาขาย OEM ขึ้นด้วย เป็นบวกมากต่อมาร์จิ้น