GABLE ปิดท้ายโรดโชว์ ชู 7 จุดแข็ง พร้อมขาย 175 ล้านหุ้น พ.ค.นี้

HoonSmart.com>>”จีเอเบิล (GABLE)”หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศ ประวัติยาวนานกว่า 33 ปี ผลงาน 3 หมื่นโครงการ เป็นหุ้นเติบโตสูงและมั่นคง แกร่งทุกมิติ  3 ธุรกิจโดดเด่น สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ 51%  ชูพัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม มาร์จิ้นสูงถึง 50% เป็น New S-Curve มีหนี้ต่ำ  บอร์ด-ทีมงานมากประสบการณ์ ฐานลูกค้าแน่นยาวนาน งานในมือ 4,100 ล้านบาท รับรายได้ปีนี้ 2,900 ล้านบาท ระดมทุนขยายธุรกิจสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาว  ดีลซื้อกิจการ-ร่วมทุนโตก้าวกระโดด ปันผลไม่ต่ำกว่า 50%  FA เผยโรดโชว์นักลงทุนเข้าใจธุรกิจมากขึ้น สถาบันเชื่อมั่นในพื้นฐาน 

นายชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล (GABLE) เปิดเผยว่า บริษัทฯจัดงานนำเสนอข้อมูลกับนักลงทุนเพื่อเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO Roadshow) จำนวน 175 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท โดยปิดท้าย ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 21 เม.ย. 2566  จากก่อนหน้านี้ไปโรดโชว์ที่จ.เชียงใหม่ และอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

บริษัทจีเอเบิล คือ หนึ่งในผู้นำบริษัททางด้านเทคโนโลยีของประเทศ ให้บริการ 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล (Enterprise Solution and Services) มุ่งเน้นกลุ่มโซลูชั่นระดับองค์กร เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอย่างครบวงจร  2. ธุรกิจโซลูชันที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value-added Distribution) ด้วยการเป็นพันธมิตรกับเจ้าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากทั่วโลก ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น 3.ธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม (Software Platform) จากการต่อยอดความเชี่ยวชาญด้วยซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาและเป็นเจ้าของ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า จีเอเบิลมีจุดแข็ง 7 เรื่อง ประกอบด้วย 1.มีโซลูชั่นด้านไอทีและดิจิทัลตอบโจทย์ความต้องการครบวงจร

2.ประสบการณ์มากกว่า 33 ปี กับความสำเร็จ 3 หมื่นโครงการ โดยมีฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมที่สำคัญกระจายทุกกลุ่ม โดยเฉพาะใน 7 อุตสาหกรรมที่มีความสามารถในการลงทุนเทคโนโลยี

3. ตลาดโดยรวมยังมีการเติบโตสูงตามแนวโน้มความต้องการและการลงทุนเพื่อเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี  ทั้งนี้ Gartner คาดการณ์ว่า 7 ปีข้างหน้า การใช้จ่ายเรื่องนี้เติบโตเฉลี่ย 14% /ปี จากปี 2563 มีมูลค่า 141 ล้านบาท เพิ่มเป็น 312 ล้านบาทในปี 2569 โดยกลุ่มบริการโตเฉลี่ย 18% ธุรกิจการเงินและการศึกษาโตเฉลี่ย 14% สื่อสาร และพลังงาน แมนูแฟคเจอริ่งโต 11% และอื่นๆ โตเฉลี่ย 16%

4.บริษัทมีการเงินแข็งแรง สัดส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุน(D/E) ต่ำเพียง 0.6 เท่า D/Eจะต่ำกว่านี้หลัง IPO มีการคืนหนี้  รวมถึงการมี Recurring income (รายได้ประจำสม่ำเสมอ) สูงถึง  51% เมื่อสิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากระดับ 42% ในปี2563 และ 49%ในปี 2564 ส่วนงานในมือที่มีอยู่ (Backlog) จำนวนกว่า 4,100 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,900 ล้านบาท จุดเด่นคืองานเสร็จเร็ว รับรู้รายได้ในช่วง 6-8 เดือน และลูกค้าจะใช้บริการอย่างต่อเนื่องระยะยาว  อย่างไรก็ตาม ธุรกิจของบริษัทเป็นฤดูกาล เติบโตมากที่สุดในไตรมาสที่ 4  สัดส่วนรายได้ประมาณ 27%และสัดส่วนกำไร 47% ของทั้งปี

5. บริษัทเป็นเจ้าของ ซอฟท์แวร์ แพลตฟอร์ม 3 บริษัท ผลงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(2563 – 2565) เติบโตระดับ 32% มีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) สูงถึง 50% เป็น New S-Curve จะเป็น Growth Engine ในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาอีกหลายโครงการ แล้วเสร็จ 3 โครงการได้เริ่มนำไปทดลองให้บริการแก่ลูกค้าบ้างแล้ว

6.บริษัทมีบุคคลากรด้านไอที 1,000 คน มีการจัดโครงการในการสร้างบุคคลากรเพิ่มเติมและมีมาตรการจูงใจให้ร่วมงานกับบริษัท เช่น การแตกธุรกิจมาตั้งบริษัทใหม่ เพื่อให้ผู้บริหารร่วมเป็นเจ้าของรวมถึงการแจกวอแรนต์อีสป เพราะเล็งเห็นถึงความสำคัญของพนักงานทุกคน

7.คณะกรรมการและทีมผู้บริหารมีประสบการณ์สูงอันดับต้นๆของประเทศไทย

ส่วนวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว โดยเล็งเห็นโอกาสเติบโตก้าวกระโดดจากการเจรจาซื้อกิจการและร่วมลงทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาหลายดีล นอกจากนี้ ยังเตรียมนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน

“เรามีเป้าหมายที่จะเป็นที่หนึ่งของบริษัทดิจิทัลเทคโนโลยีของประเทศไทย  มีทีม IT มากกว่า 1,000 คน พร้อมนำขุมพลังทางเทคโนโลยี  และเงิน IPO เพิ่มศักยภาพในการรับงานจากทุกธุรกิจ มาต่อยอดการเป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าในเรื่องไอทีอย่างครอบคลุมทุกมิติ เราจะเป็นคนมาเปลี่ยนเกมส์ธุรกิจให้กับลูกค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัลไปด้วยกัน โดยให้ความสำคัญเรื่องมาร์จิ้นและกำไร”นายชัยยุทธกล่าว

ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส   ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท จีเอเบิล กล่าวว่า การเดินสายไปโรดโชว์ ทำให้นักลงทุนเข้าใจข้อมูลธุรกิจ วิสัยทัศน์ และแผนการเติบโตในอนาคตของจีเอเบิลได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบัน ที่มองเห็นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจมามากกว่า 33 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังลูกค้าองค์กรในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบโจทย์ธุรกิจในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้วยบริการที่ครบวงจร

บริษัทจีเอเบิลกำลังเดินไปสู่ธุรกิจที่มีการเติบโตแบบ Growth Engine ในธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มของตนเอง มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง 3 ปีที่ผ่านมา  เติบโตระดับ 32% และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่สูงถึงกว่า 50% รวมถึงการนำเงิน IPO ไปขยายธุรกิจ สร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 4,731 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 268 ล้านบาท กำไรเติบโตเกือบ 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563-2565) ซึ่งเป็นไปตามแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่ต้องการมุ่งเน้นโซลูชันที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น โดยในปี 2563 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.27% ขึ้นไปแตะระดับ 21.20% ในปี 2565

นายสมภพกล่าวว่า GABLE  เป็นหุ้นเทค ก.ล.ต.อนุมัติให้เสนอขายแล้ว จำนวน 175 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในเดือนพ.ค.นี้   บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ