บลจ.บัวหลวง แนะนำพอร์ตลงทุนความเสี่ยงต่ำ กำไรได้ทุกสถานการณ์ ชี้ทดสอบย้อนหลัง 11 ปีกำไรเฉลี่ยปีละ 4.09% ขาดทุนมากสุดแค่ 0.69%
นายพีร์ ยงวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า บลจ.บัวหลวง ทดสอบหาพอร์ตลงทุนที่สามารถ “ผ่านได้ทุกสถานการณ์” เนื่องจากต้องการให้นักลงทุนลงทุนต่อเนื่อง ไม่พยายามจับจังหวะตลาด จึงพบสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมและสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 4.09% โดยผลขาดทุนสูงสุดที่เคยเกิดขึ้น (Maximum Drawdown) อยู่ที่ 0.69%
ทั้งนี้ พอร์ตลงทุนที่สามารถผ่านได้ทุกสถานการณ์ หรือ All Weather Portfolio Asset Allocation จะประกอบด้วย
– ตราสารหนี้ 86.69% โดยใช้กองทุนเปิดบัวหลวงตราสารหนี้ (BFIXED) เป็นตัวแทน
– อสังหาริมทรัพย์ 6.54% โดยใช้ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เป็นตัวแทน
– หุ้นทั่วโลก 2.50% โดยใช้กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นโกลบอล (B-GLOBAL) เป็นตัวแทน
– หุ้นไทย 2.22% โดยใช้กองทุนเปิดบัวแก้ว (BKA) เป็นตัวแทน
– ทองคำ 2.14% โดยใช้กองทุนเปิดบัวหลวงโกลด์ฟันด์ (BGOLD) เป็นตัวแทน
“เราทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่เดือน ม.ค. 2549 จนถึงเดือน ธ.ค. 2560 เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นพอร์ตที่ผ่านภาวะเศรษฐกิจทุกสถานการณ์จริงๆ ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย นอกจากนี้ยังทดสอบย้อนหลัง 20 ปี พบว่า นักลงทุนที่พยายามจับจังหวะตลาดแต่พลาดการลงทุนในวันที่ดีที่สุด 10 วัน ผลตอบแทนจะหายไปกว่าครึ่ง จากเฉลี่ย 8.05% ต่อปี เหลือเพียง 3.9% ต่อปี” นายพีร์ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายพีร์ กล่าวอีกว่า สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการจัดสรรการลงทุนด้วยตัวเองสามารถลงทุนผ่าน
กองทุนเปิดบัวหลวงอินคัม (B-INCOME), กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ (B-SENIOR) หรือ กองทุนผสมบีซีเนียร์สำหรับวัยเกษียณ เอ็กซ์ตร้า (B-SENIOR-X) เนื่องจากมีรูปแบบการจัดสัดส่วนลงทุนใกล้เคียงกัน
นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง กล่าวในงานสัมมนา BUALUANG FUND INVESTMENT FORUM TOWARDS 2019 ในหัวข้อ “STAYING INVESTED THROUGH ALL MARKET CYCLES” ว่า ไม่แนะนำการลงทุนในลักษณะจับจังหวะลงทุน เพื่อหวังว่าจะได้ราคาดีที่สุด หรือเข้าซื้อในราคาต่ำที่สุด เพราะเป็นเรื่องยาก
“นักลงทุนมักจะขายออกเมื่อราคาลงไปมากแล้ว และมักจะซื้อไม่ทันในช่วงราคาต่ำ เพราะสภาวะตลาดมักจะเล่นกับเราทีเผลอเสมอ” นายพีรพงศ์ กล่าว
นายพีรพงศ์ จึงแนะนำให้ลงทุนอต่อเนื่องไม่ว่าจะอยู่ในช่วงใดของวงจรการลงทุนก็ตาม โดยมองเป้าหมายระยะยาว และควบคุมสติไม่ให้ถูกครอบงำโดยข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ รายวัน จะได้ไม่ถูกปัจจัยในช่วงสั้นมาทำให้ไขว้เขว
“นักลงทุนควรทบทวนแผนระยะยาวของตัวเอง หากต้องการสะสมความมั่งคั่งให้เติบโต หุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด สำหรับบัวหลวง มีทีมงานที่คอยเข้าไปค้นหาธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี และราคาหุ้นปรับลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน โดยเวลาที่หุ้นปรับลดลงแรงก็เป็นโอกาสที่จะได้ซื้อสินค้าในราคาถูกลง” นายพีรพงศ์