SNNP ส่ง “โลตัสหนังไก่กรอบ” รสหม่าล่าบุกตลาดพรีเมี่ยมแมสหนุนโตต่อเนื่อง

HoonSmart.com>> “ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” (SNNP) เสิร์ฟสินค้าใหม่ “โลตัสหนังไก่กรอบ” รสหม่าล่า กลับมาสร้างกระแสความคึกคักให้กลุ่มขนมขบเคี้ยว พร้อมบุกตลาดพรีเมี่ยมแมสสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ฟากผู้บริหาร “วิโรจน์ วชิรเดชกุล” มั่นใจการออกสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ช่วยสนับหนุนผลงานปี 66 โตต่อเนื่อง

นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า การออกสินค้าใหม่ โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า เกิดจากที่บริษัทฯประสบความสำเร็จจากการแตกไลน์สินค้าโลตัสหนังไก่กรอบบนตลาดราคา 30 บาท ถือว่าเป็นการวางตลาด Premium mass segment ได้อย่างดี โดยโลตัสหนังไก่ 4 รส ได้แก่ รสน้ำจิ้มไก่ รสออริจินัล รสแซ่บซี๊ด และ รสต้มยำ ที่มีวางตลาดมาก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้บริโภค

“โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า” ยังคงเป็นการเน้นย้ำจุดแข็งจากกลยุทธ์ Premium mass และ Channel Distribution Strategy และหลังจากนี้บริษัทฯ ยังคงไม่หยุดนิ่งที่จะเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่รสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคต่อไป เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่อยากได้รสชาติใหม่ๆ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำทางการตลาด

“บริษัทฯวางกลยุทธ์โฆษณาสื่อออนไลน์สร้างการรับรู้ผู้บริโภค มุ่งเน้นการโฆษณาเพื่อสร้างการรับรู้ของสินค้าใหม่ โลตัสหนังไก่กรอบ รสหม่าล่า ผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก มีการจัดกิจกรรมใน Facebook page และสื่อสารผ่าน Influencers เพื่อโปรโมทให้ไปลองรสชาติใหม่ได้ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 นับเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการทำตลาดแบรนด์ “โลตัส” อีกหนึ่งขาธุรกิจที่ SNNP วางเป้าสร้างผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ให้เติบโตเป็นที่รู้จัก สอดคล้องกับคอนเซปต์ของแบรนด์ “ขนมโลตัส กรอบอร่อยทุกซอง ทุกช่วงเวลา” ทิศทางการเติบโตจะเป็นอย่างไร น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง” นายวิโรจน์ กล่าว

หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จทั้งยอดขาย ผลประกอบการ และส่วนแบ่งทางการตลาดจากสินค้า “เจเล่” และ “เบนโตะ” ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ในปี 2566 จะสร้างแบรนด์ “โลตัส” เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าให้เป็นอีกหนึ่งขาของฐานธุรกิจ SNNP ในอนาคต

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ SNNP กล่าวอีกว่า การออกสินค้าใหม่ๆนอกจากจะช่วยสร้างความคึกคักในตลาดขนมขบเคี้ยวเป็นอย่างมากแล้ว และยังช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนผลดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2566 ให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานที่วางไว้