‘โซนิค อินเตอร์เฟรท’ พร้อมเทรดตลาดเอ็ม เอ ไอ 19 ต.ค.นี้ เพิ่มศักยภาพธุรกิจทั้งทางอากาศ ทางทะเลและทางบก หนุนการเติบโตที่ยั่งยืน ปักธงผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์และบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน
ดร.สันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC)หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรระดับภูมิภาค เปิดเผยว่า หุ้นของบริษัทฯ จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรกในวันที่ 19 ต.ค.2561 โดยใช้ชื่อย่อ ‘SONIC’ มั่นใจว่าหุ้นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ซึ่งบริษัทมีนโยบายสร้างการเติบโตภายหลังจากการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยบริษัทฯ มีแผนลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้าและโอกาสการเติบโตจากปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับแผนลงทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ลงทุนเพิ่มจำนวนรถบรรทุกหัวลาก หางลากและรถบรรทุกเพื่อขยายการให้บริการธุรกิจขนส่งทางบกและการขนส่งข้ามชายแดน (Cross-border transport) ให้มีความครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น 2.ลงทุนปรับปรุงอาคารและพื้นที่ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้าและความรวดเร็วในการขนส่งและการให้บริการ 3.ซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์เพื่อดำเนินสาขาแหลมฉบังเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่าในระยะยาว และสุดท้ายจะลงทุนพัฒนาระบบสารสนเทศ เพื่อเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บวิเคราะห์ข้อมูลการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
“การลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรแบบ One Stop Service และผลักดันให้ SONIC สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อก้าวสู่ผู้นำธุรกิจด้านโลจิสติกส์และการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน” ดร.สันติสุข กล่าว
ทั้งนี้ SONIC เสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท เปิดจองซื้อเมื่อวันที่ 8-10 ต.ค.2561
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า SONIC มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งจึงมีโอกาสเติบโตที่ดีมาก ตามการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจส่งออกและนำเข้าของไทย จากความได้เปรียบเชิงภูมิภาคของประเทศไทยที่อยู่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงนโยบายของภาครัฐที่ต้องการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนใช้ไทยเป็นฐานผลิต เพื่อส่งออกสินค้าไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก
ทั้งนี้ ด้วยจุดแข็งการดำเนินงานที่เป็นผู้ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรของ SONIC ที่มีการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่ครอบคลุมทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบกไปยังประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย รวมถึงแผนงานในอนาคต ทำให้ SONIC มีขีดความสามารถการแข่งขันเหนือคู่แข่ง ตลอดจนการมีเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลก ส่งผลดีต่อการให้บริการที่สามารถผสมผสานการให้บริการขนส่งหลายรูปแบบและมีความต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการใช้บริการด้านการขนส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารที่ยาวนานมากกว่า 20 ปีและแผนงานในอนาคตที่ชัดเจน ที่ SONIC ต้องการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเชิงให้บริการที่ครบวงจรเพื่อรองรับความต้องการใช้บริการด้านโลจิสติสก์ของลูกค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเติบโตที่ดีของการส่งออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้และอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดีอีกด้วย” นายเอกจักร กล่าว