HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มเจมาร์ทขยับขึ้นยกแผง โบรกฯเชียร์ “ซื้อ” JMT, SINGER ผลดำเนินงานในอนาคตขยายตัวดี-ราคาหุ้น Underperform ตลาด ด้านผลงานไตรมาส 4/65 ของ JMT ดีตามคาด ส่วน SINGER ต่ำกว่าคาด และ JMART กำไรปี 65 หด แต่มีจ่ายปันผลในอัตรา 0.66 บาท/หุ้น
เมื่อเวลา 10.40 น.หุ้นในกลุ่มเจมาร์ทขยับขึ้นยกแผง นำโดยหุ้น JMT พุ่ง 6.57% มาที่ 52.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท มุลค่าซื้อขาย 859.27 ล้านบาท
หุ้น JMART บวก 3.76% มาที่ 34.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 315.54 ล้านบาท
หุ้น SINGER บวก 2.83% มาที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 315.54 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ราคาเป้าหมาย 64 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 490 ล้านบาท (+3% YoY, +8% QoQ) เป็นไปตามคาด โดยขยายตัวจากรายได้ธุรกิจรับจ้างติดตามหนี้ที่กลับมาดีขึ้น ตามมูลหนี้รับจ้างที่สูงขึ้น และรับจ้างติดตามหนี้ JKAM, รับรู้ส่วนแบ่งกำไร JKAM เพิ่มขึ้นตามหนี้เสียที่ซื้อเพิ่มจาก KBANK เป็น 7.0 หมื่นล้านบาท ขณะที่ cash collection ทรงตัว YoY และ QoQ จากการจ่ายชำระหนี้ลดลงในช่วงเงินเฟ้อ ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย และดำเนินคดีสูงขึ้น เพื่อให้ cash collection ทรงตัว ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 2.2 พันล้านบาท (+26% YoY) จากการเข้าซื้อหนี้เสียทรงตัวที่ 5 พันล้านบาท และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก JKAM เพิ่มเป็น 434 ล้านบาท (ปี 65 ที่ 98 ล้านบาท) ขณะที่ค่าใช้จ่ายกฎหมายจะยังทรงตัวสูง และรับรู้ค่าใช้จ่าย IPO ของ JAM ในปี 66
ราคาหุ้น underperform SET -28% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลต่อ cash collection ที่อาจจะต่ำกว่าคาดในช่วงเงินเฟ้อสูง อย่างไรก็ตามแนะนำ “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานในอนาคตที่จะเติบโตสูง หนุนโดยการทยอยกลับมาขายหนี้เสียของสถาบันการเงินที่เพิ่มขึ้น, มีโอกาสขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นจากเงินเพิ่มทุน KINVESTURE จำนวน 3.5 พันล้านบาท รวมทั้งยังสามารถระดมทุนจากหุ้นกู้ได้เพิ่ม จาก D/E ที่ต่ำเพียง 0.3x สำหรับ cash collection คาดว่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องจากการเข้าซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้น และการเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการติดตามหนี้เสียที่สูงขึ้น ทั้งของบริษัท และ JKAM
นอกจากนี้ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ราคาเป้าหมาย 36 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 193 ล้านบาท (-9% YoY, -26% QoQ) ต่ำกว่าคาดที่ 242 ล้านบาท จากรายได้จากการขายหดตัวมากกว่าคาดที่ -50% YoY, -38% QoQ จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายสำรองเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด จาก NPL สินเชื่อเช่าซื้อปรับตัวขึ้นเป็น 12% สูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 2/63 ขณะที่สินเชื่อ C4C ยังเติบโตดีตามคาด โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1.1 พันล้านบาท (+22% YoY) เติบโตจากสินเชื่อ C4C ที่ขยายตัวต่อเนื่อง +40% YoY ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อ และรายได้จากการขายได้รับแรงกดดันจากความ เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อควบคุม NPL ให้ต่ำ ซึ่งทำให้ loan yield ปรับตัว ลงเป็น 15.8% ตามสัดส่วนสินเชื่อ C4C ที่เพิ่มขึ้นเป็น 72% จากปี 65 ที่ 67% อย่างไรก็ตามขอฟังมุมมองผู้บริหารต่อแนวโน้มยอดขาย, ค่าใช้จ่าย สำรอง และ NPL สินเชื่อเช่าซื้อ จากการประชุมนักวิเคราะห์บ่ายนี้
ราคาหุ้น underperform SET -29% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลต่อผลการดำเนินงานหลังสัดส่วนการถือหุ้น SGC ลดลงเหลือ 75% และ NPL สินเชื่อ เช่าซื้อที่จะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แนะนา “ซื้อ” จากผลการดำเนินงานที่จะขยายตัวดีที่ 65-67 EPS CAGE ที่ +27%, สินเชื่อ C4C ที่เติบโตอย่าง แข็งแกร่ง, เริ่มปล่อยสินเชื่อผ่านเกษตรกร BRR ที่เป็น NPL ต่ำ เนื่องจากมี BRR ค้ำประกัน 100% รวมทั้งบริษัทมีโอกาสที่จะนำเงินไปขยายตัวในธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องได้
ส่วนบริษัท เจ มาร์ท (JMART) เช้านี้รายงานผลการดำเนินงานงวดประจำปี 65 มีกำไรสุทธิ 1,794.96 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.266 บาท ลดลง 27.3% จากปี 2564 มีกำไรสุทธิ 2,467.59 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.392 บาท โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 13,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 2,127.2 ล้านบาท หรือ 18% สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ในส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ และธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ขณะที่ต้นทุนขายและบริการรวม, ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม ต้นทุนทางการเงินรวมเพิ่มขึ้นฉุดกำไรลดลง
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายปันผลจากผลดำเนินงานในครึ่งปีหลัง ในอัตรา 0.66 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 12 เม.ย. 2566 ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล 11 เม.ย.2566 และจ่ายเงินในวันที่ 3 พ.ค. 2566