KGI ชี้เป้า 7 “กองทุนอสังหาฯ-รีท-โครงสร้างพื้นฐาน” เด่น รับธุรกิจฟื้นตัว หนุนราคาปี 66

HoonSmart.com>> “บล.เคจีไอ” คาดราคา “กองทุนอสังหาฯ-รีท-โครงสร้างพื้นฐาน” ดีขึ้นต่อเนื่องในปี 66 รับการฟื้นตัวของธุรกิจเพิ่งจะเริ่มในปลายครึ่งหลังของปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย ขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว ด้านครม.อนุมัติภาษีและค่าธรรมเนียมแปลงกองอสังหาฯ เป็นรีท ช่วยกองทุนได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เพิ่มสภาพคล่องกองทุนระยะยาว แนะกองทุนแถวหน้า “JASIF-DIF-WHAIR” ผลดำเนินงานแข็งแกร่ง รายได้สม่ำเสมอ พร้อมกองทุนระดับรองแนะนำ “ALLY-GROREIT-CPNREIT-BTSGIF”

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) หรือ KGI ออกบทวิเคราะห์มุมมองการลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โดยคาดวาราคากองทุนจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2566 ในขณะที่การฟื้นตัวของธุรกิจเพิ่งจะเริ่มในปลายครึ่่งหลังของปี 2566 เท่านั้น เนื่องจากประเทศไทยกลับมาถูกกระทบอย่างมีนัยสำคัญอีกครั้งจากการระบาดของ COVID-19 ที่นำโดยสายพันธ์ุ Omicron ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ดังนั้นจึงมองแนวโน้มการพลิกฟื้นของหลายธุรกิจ HoH ในครึ่งแรกของปี 2566 นอกจากนี้จานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนจะช่วยขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ได้รับผลกระทบมานานถึงสามปีแล้ว

คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการยกเว้นภาษีและลดค่าธรรมเนียม เมื่อวันที่ 25 ม.ค. โฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการเกี่ยวกับภาษีและค่าธรรมเนียมในการแปลงกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (property fund) เป็นกอง REIT ซึ่งจะช่วยให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สามารถแปลงเป็นกอง REIT เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุนได้ในระยะยาว ซึ่งมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบงคับใช้ตามกฎหมายไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ซึ่งตามรายงานข่าวดังกล่าว เราคิดวามาตรการนี้จะช่วยให้กองทุนที่ได้รับผลกระทบจากโครระบาดแปลงเป็นกอง REIT ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับผู้ถือหน่วยลงทุน ในแง่ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากเงินปันผลเพราะกอง REIT ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นบวกกับผู้ถือหน่วยลงทุนในแง่ของผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากเงินปันผล เพราะกอง REIT จะได้รับยกเว้นภาษีเงินปันผลชั่วระยะเวลาหนึ่ง

นอกจากนี้การที่จีนกลับมาเปิดประเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันผู้ที่เดินทางจากประเทศจีน (นักท่องเที่ยว นักเรัยน นักศึกษา นักธุรกิจ) เข้ามาประเทศไทยรู้สึกว่าสามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทยได้ง่ายขึ้นเมื่อไม่มีข้อจำกัด หลังจากทั้งสองประเทศกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ดังนั้นเราจึงคาดภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจจีนน่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ปี 2566 หลังจากที่จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงอย่างมามากเกือบสามปีแล้ว

นอกจากนี้ KGI ยังได้ปรับสมมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 คาดการณ์เป็น 28 ล้านคน จาก 25 ล้านคน ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมทั้งจากอาเซียน อินเดียและตะวันออกกลางก็มีโอกาสจะสูงเกินคาดเช่นกัน ดังนั้น เราจึงมั่นใจมากขึ้นว่ากองทุนต่างๆ ที่เราแนะนำจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดน้อยลงและที่สำคัญยิ่งกล่าวนั้นคือ ผลการดำเนินงานและผลตอบแทนจากเงินปันผลของกองทุนเหล่านี้น่าจะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปีนี้ไป

KGI ยังคงแนะนำ JASIF, DIF , WHAIR , ALLY , GROREIT , CPNREIT และ BTSGIF เป็นกองเด่นเราคิดว่ากองทุนระดับแนวหน้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ JASIF , DIF และ WHAIR จะมีผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง โดยมีการรับรู้รายได้อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ เราดิดว่ากองทุนที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด (ALLY, GROREIT , CPNREIT และ BTSGIF ) น่าจะดีขึ้นหลังจากที่จีนเปิดประเทศและจะฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในปีนี้

“เรายังคงแนะนำ JASIF , DIF และ WHAIR ในฐานะกองทุนระดับแนวหน้า ส่วนกองทุนระดับรองที่เราแนะนำ ได้แก่ ALLY, GROREIT , CPNREIT และ BTSGIF ” KGI ระบุ

ส่วนปัจจัยความเสี่ยง ได้แก่ COVID-19 ระบาด เศรษฐกิจชะลอตัว การเมืองขาดเสถียรภาพ

ด้านผลตอบแทนปี 2565 กองทุน JASIF อยู่ที่ 8.4% DIF อยู่ที่ 5.7% WHAIR อยู่ที่ 6.3% ALLY อยู่ที่ 6.5% และ GROREIT อยู่ที่ 3.0%

ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยในปี 2565 ของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ รีทและกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเมื่อเทียบผลตอบแทนจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์และพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี พบว่า ปี 2565 ดัชนี SET PREIT ให้ผลตอบแทน 5.96% เมื่อเทียบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผลตอบแทน 2.73% และพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 อยู่ที่ 2.64% ขณะที่กองทุนโครงสร้างพื้นฐานอยู่ที่ 5.05% กองทุนอสังหาริมทรัพยอยู่ที่ 41.2% และรีทอยู่ที่ 4.93%