TIDLOR ปลื้มทริสคงเรทติ้ง A BLS แนะ “ซื้อ” เป้า 31.50 บ.

HoonSmart.com>>บริษัท ทริสเรทติ้ง ได้คงอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ ของบริษัท เงินติดล้อ หรือ TIDLOR ที่ระดับ A แนวโน้ม “คงที่” ส่งผลดีต่อต้นทุนทางการเงิน บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 31.50 บาท คาดการณ์ P/E ปี 65-66 เท่ากับ 19.5 เท่า และ 16.5 เท่าตามลำดับ

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ หรือ TIDLOR กล่าวว่า บริษัทได้รับการจัดอันดับจากการจัดอันดับเครดิตล่าสุดของ บริษัท ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ที่ระดับ A แนวโน้มอันดับเครดิต Stable หรือ “คงที่” ซึ่งปัจจุบันถือเป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ non bank ประเภทสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ

ในมุมมองของทริสเรทติ้ง เห็นว่าบริษัทมีสถานะการเป็นผู้นำในธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถรักษาฐานทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีผลประกอบการที่น่าพอใจ และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อยู่ในระดับที่ยอมรับได้จากแนวทางการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา หรือ BAY ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกด้วย

การได้รับการจัดอันดับเครดิต A แนวโน้ม คงที่ นั้น ส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท ในการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ A จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มอันดับความน่าเชื่อถือ Investment Grade ที่นักลงทุนสถาบันส่วนใหญ่ให้ความสนใจและสามารถลงทุนได้ การมีต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า ส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปัจจุบันที่ภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

บริษัท เงินติดล้อ หรือ TIDLOR เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เพื่อลูกค้ารายย่อย โดยให้บริการ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และธุรกิจนายหน้าประกันภัย ภายใต้แบรนด์ “เงินติดล้อ” และ “ประกันติดล้อ”

ราคาหุ้น TIDLOR ที่ระดับ 29 บาท มีค่า P/E ประมาณ 20 เท่า และอัตราเงินปันผลตอบแทน 0.87% ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในรอบ 52 สัปดาห์ อยู่ในช่วง 23.80-38.54 บาท จากต้นปีถึงปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนติดลบ 13.70%

บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” TIDLOR ให้ราคาเหมาะสม 31.50 บาท โดยคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของ TIDLOR ในปี 65-66 จะมีกำไรสุทธิ 3,710 ล้านบาท และ 4,384 ล้านบาทตามลำดับ และมีกำไรต่อหุ้น 1.49 บาท และ 1.76 บาทตามลำดับ TIDLOR มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ดี (17% YoY ในปี 65 และ 18% YOY ในปี 66) หนุนมาจากการขยายตัวของสินเชื่อ และรายได้นายหน้าขายประกันความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนจักรยานยนต์ (TIDLOR ให้อัตราดอกเบี้ยที่ 23% ขณะที่ตลาดให้ที่กรอบ 12-16%)

บล.บัวหลวงระบุว่า แนวโน้มของอุตสาหกรรมน่าจะหนุนให้การเติบโตกำไรของ TIDLOR อยู่ในระดับที่ดีในอีกหลายปีข้างหน้า หนุนมาจากข้อได้เปรียบที่เหนือคู่แข่งไม่มีความกังวลสำหรับการแข่งขันที่สูงขึ้น แพล็ตฟอร์มติจิทัลจะหนุนการเติบโตของกำไร

TIDLOR ไม่มีความกังวลต่อการแข่งขันที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทไม่คาดว่าจะมีบริษัทใหม่ๆเข้ามาในตลาดผู้ให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารที่จะสามารถให้อัตราดอกเบี้ยที่แข่งขันกับบริษัทได้ และบริษัทเชื่อว่าความได้เปรียบ – แพล็ตฟอร์มไอทีและบัตรติดล้อ บวกกับการขยายจำนวนสาขาจะหนุนให้บริษัทรักษาและสร้างฐานลูกค้าเพิ่มได้ โดย TIDLOR คาดจะมีจำนวน 2,500 สาขาได้ภายใน 3-5 ปี ทางผู้บริหารตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนสาขา 25-30% YOY และพอร์ตสินเชื่อ 25-30% YOY ในปี 65

ธุรกิจนายหน้าประกันจะสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยหนุนจากการขยายจุดขายอย่างต่อเนื่องและแพลตฟอร์มไอที Areegator (ซึ่งใช้โดยตัวแทนจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น นายหน้ารายย่อย) ผู้บริหารคาดยอดขายประกันพรีเมียมจะเติบโตในไตรมาส 4/65 ด้วยอัตราที่ช้ากว่าในไตรมาส 3/65 (หลังจากที่พุ่งขึ้นถึง 45% YOY จากฐานที่ต่ำในไตรมาส 3/64

สัดส่วนต้นทุน/รายได้ที่ลดลงเล็กน้อย แต่อัตราการตั้งสำรองจะเพิ่มขึ้น สัดส่วนต้นทุน/รายได้ของ TIDLOR อยู่ที่ 54.8% ในไตรมาส 3/65 ลดลงจาก 56.2% ในไตรมาส 3/64 หนุนมาจากการเติบโตของรายได้และการลดต้นทุน จากการใช้แพลตฟอร์มไอที ทางผู้บริหารคาดสัดส่วนจะยังคงอยู่ในระดับ 50 กลางๆ ตลอดปี 65 และลดลงเล็กน้อยในปี 66 (เราคาดสัดส่วนต้นทุน/รายได้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 66 เนื่องจากต้นทุนที่มากขึ้นจากการขยายสาขา) ทางผู้บริหารคาดอัตราการตั้งสำรองจะสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของปี 66

 

#TIDLOR #TRIS #BLS #BAY