HoonSmart.com>> 5 โบรกเกอร์ส่องหุ้นเดือนธ.ค.อยู่ในเกณฑ์ดี-ลุ้นขึ้นตามเศรษฐกิจ จากการบริโภค-จับจ่ายใช้สอย-การท่องเที่ยวดีขึ้น เล็ง Fund Flow ไหลเข้า ตามติดเฟด-เงินเฟ้อสหรัฐ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะหนุน Sentiment ได้เม็ดเงินกองทุน SSF-RMF หนุน พร้อมมองกรอบบนไว้ที่ 1,640-1,700 ส่วนกรอบล่าง 1,580-1,610 จุด หุ้นเด่นเดือนธ.ค.แนะ GPSC, RATCH, MAKRO, BBL, CK, SIRI, AURA, TTB, BBIK, BDMS, CRC, M, MAJOR, CPALL, CPN, PLANB, JMT, HANA, BBIK
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เดือนธ.ค.2565 ทิศทางตลาดยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จะต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมองว่าจะออกมาเป็นบวกต่อตลาดหุ้น คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ อีกทั้งปัจจัยกดดันก็ไม่มาก แต่มูลค่าซื้อขายโดยรวมอาจจะบางลงจากเม็ดเงินต่างชาติชะลอการลงทุนในครึ่งเดือนหลังจากที่เข้าช่วงเทศกาล และไทยอยู่ในช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลด้วย
อย่างไรก็ดี อาจได้รับแรงหนุนจากกองทุน SSF และ RMF เข้ามาบ้าง แต่กรอบการแกว่งของดัชนีฯคงจะไม่กว้าง โดยมองแนวต้านไว้ที่ 1,640-1,650 จุด ซึ่งคงจะไม่ถึงเป้าหมายดัชนีฯที่ประเมินไว้ที่ 1,690 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,600-1,610 จุด
พร้อมมองหุ้นเด่นเดือนธ.ค.เป็นหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากไตรมาส 4/65 จะมีการรับรู้ค่า Ft ที่ปรับขึ้นเต็มไตรมาส โดยแนะนำหุ้น GPSC, RATCH ซึ่ง RATCH ยังเก็งเข้า SET50 ด้วย และกลุ่มค้าปลีก แนะนำหุ้น MAKRO ที่ราคายัง Under Perform และการแก้ไขฟรีโฟลททำให้มีลุ้นเข้า MSCI และฟุตซี่ อีกทั้งกำลังซื้อหนุนด้วย ส่วนกลุ่มธนาคาร แนะนำหุ้น BBL ได้ประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นในเดือนธ.ค.ยังมีมุมมองเป็นบวก โดยให้จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนธ.ค. คาดว่าจะผ่านจุดพีคของดอกเบี้ย โดย Dot plot ไม่น่าจะสูงกว่า 5% พร้อมให้แนวรับ 1,605 จุด แนวต้าน 1,666 จุด
พร้อมแนะนำให้ลงทุนหุ้นพวก Domestic plays และหลีกเลี่ยง Global plays จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยแนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ หุ้น CK, SIRI, AURA, TTB, BBIK และ GPSC
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนธ.ค.คาดว่าจะเคลื่อนไหว Sideway up จากการมองทิศทางเศรษฐกิจไทยที่ดีจากการบริโภค และการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงการท่องเที่ยวก็ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ คาดว่า Fund Flow ยังไหลเข้ามา โดยดัชนีฯมีโอกาสขึ้นทดสอบ 1,640-1,670 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 1,610-1,590 จุด
ทั้งนี้ ในส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาคาดว่าจะหนุนในแง่ Sentiment ให้กับตลาด แต่กว่าจะเห็นผลดีก็ปีหน้า แต่หุ้นมักจะขึ้นตอบรับข่าวดีล่วงหน้า นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งตลาดคาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% และติดตามเงินเฟ้อสหรัฐในวันที่ 13 ธ.ค.นี้
หุ้นเด่นในเดือนธ.ค.แนะนำหุ้น BBL, BDMS, CRC, M , MAJOR
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เดือนธ.ค.เป็นโค้งสุดท้ายของปีนี้คาดว่าตลาดยังปรับตัวขึ้นได้ โดยได้แรงส่งจากเศรษฐกิจในประเทศที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ที่จำนวนนักท่องเที่ยวเร่งขึ้นทุกเดือน โดยเดือนต.ค.จำนวนนักท่องเที่ยว 1.47 ล้านคน และ 10 เดือนแรกปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวมีกว่า 7 ล้านคนแล้ว ช่วงที่่เหลือ 2 เดือนปีนี้ก็คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะต้องเร่งตัวขึ้นแน่ ทำให้ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจขึ้นถึง 10 ล้านคน และจะดีต่อเนื่องในปีหน้า รวมทั้งยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในช่วงต้นเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ เดือนต.ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดได้เกินดุลเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และภาคบริการดีขึ้นเรื่อย ๆ สอดคล้องกับเงินบาทแข็งค่า ทำให้ Fund Flow อาจเข้ามาช่วยหนุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปีก็ได้ อย่างไรก็ดีให้ติดตามการประชุมเฟดในช่วงกลางเดือนธ.ค. ซึ่งคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแค่ 0.5% หลังเงินเฟ้อเริ่มแผ่วลงเรื่อย ๆ เป็นปัจจัยบวกเพิ่มให้กับตลาด โดยมองแนวรับ 1,610 จุด แนวต้าน 1,670-1,700 จุด
สำหรับหุ้นเด่นเดือนธ.ค.แนะนำหุ้น CPALL, CPN, PLANB, JMT, HANA, BBIK
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นในเดือนธ.ค.มองเป็นลักษณะของการแกว่งตัว เนื่องจากคาดว่า Fund Flow ต่างชาติจะชะลอการลงทุนเนื่องจากใกล้วันหยุดช่วงเทศกาล แต่ก็ยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีมาช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย การบริโภค หนุนพวกค้าปลีก อย่างไรก็ดี จะต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ และติดตามเงินเฟ้อสหรัฐที่จะออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน
ทั้งนี้ ถ้าดัชนีฯย่อตัวลงมาเป็นจังหวะในการซื้อ เพราะปีหน้า (2566) เศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว และกลุ่มยานยนต์ ที่จะมีการเติบโตได้ดี ดังนั้นเศรษฐกิจไทยน่าจะยังเติบโตได้ดีอยู่สวนทางประเทศใหญ่ ๆ ที่ยังต้องควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยยังดีอยู่ โดยมีแนวรับ 1,580-1,600 จุด แนวต้าน 1,650-1,670 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าลงทุนในเดือนธ.ค.มองเป็นหุ้น Domestic Plays โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มค้าปลีก รวมไปถึงกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากต้นทุนพลังงานเริ่มชะลอตัวลง