HoonSmart.com>> “โพลีเน็ต” (POLY) หุ้นชิ้นส่วนพรีเมี่ยม ชูจุดเด่นผู้ผลิตชิ้นส่วนยาง พลาสติก และซิลิโคนครบวงจร เดินหน้าเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 16 พ.ย.นี้ ราคา IPO หุ้นละ 6.80 บาท พร้อมจ่ายปันผลทันที 0.08 บาท/หุ้น โบรกฯ ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 8.00-8.50 บาท/หุ้น
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับบริษัทโพลีเน็ต เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดยานยนต์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “POLY” ในวันที่ 16 พ.ย.2565
POLY ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาง พลาสติก และซิลิโคนขึ้นรูป แบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบผลิตแม่พิมพ์ คิดค้นพัฒนาสูตรการผลิต ตลอดจนขึ้นรูปชิ้นงานตามความต้องการของลูกค้าและการใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) เช่น ยางกันฝุ่น หน้ากากช่องแอร์ และวาล์วซิลิโคน เป็นต้น โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วน Tier-1 นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงมากขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) เช่น ส่วนประกอบซิลิโคนชุดช่วยหายใจ ชิ้นส่วนอุปกรณ์ช่วยในการผ่าตัดต่าง ๆ และ อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) เช่น ถุงซิลิโคนใส่อาหาร ซีลยางบรรจุภัณฑ์ ฝากรองชา และส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
POLY มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 450 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 330 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) 120 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 9 – 11 พ.ย.2565 ในราคาหุ้นละ 6.80 บาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,060 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 20.4 เท่า โดยมีบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โพลีเน็ต (POLY) เปิดเผยว่า เชื่อมั่นว่าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนให้ POLY ก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นนวัตกรรม และมีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบครบวงจร (One-Stop Services) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ตลอดจนมุ่งแสวงหาและต่อยอดโอกาสการเติบโตใหม่ (New S-Curve) การระดมทุนในครั้งนี้ จึงเป็นการเสริมความแข็งแรงด้านเงินทุนให้บริษัทฯ ใช้สำหรับลงทุนในโครงการขยายโรงงาน และลงทุนเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 16.6% ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนในระยะยาว
POLY มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงาน แผนการลงทุน ฐานะทางการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจและความเหมาะสมอื่น ๆ รวมถึงการบริหารงานของบริษัทในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 เชื่อมั่นว่าจะเป็นปีที่ดีของ POLY เติบโตจากปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 787.1 ล้านบาท เติบโต 50.4% กำไรสุทธิ 120.9 ล้านบาท เติบโต 454.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ ล่าสุด ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 790.4 ล้านบาท เติบโต 48.6% กำไรสุทธิ 122.5 ล้านบาท เติบโต 60.1 % เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ และความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังลูกค้าในกลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (จ่ายจากกำไรสะสมงวดเดือนมกราคม – กันยายน 2565) ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดวันที่ได้รับเงินปันผล วันที่ 13 ธันวาคม 2565 เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน และสะท้อนโอกาสที่บริษัทฯ กำลังขยายต่อไปในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา และเจรจากับลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม การเข้าตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวแรกของ POLY สู่การเติบโต และสามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้ อยากให้นักลงทุนทุกท่านติดตาม และจะไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน
นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า POLY จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมมากว่า 20 ปี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ ยาง พลาสติก และซิลิโคน ที่มีลูกค้ากระจายอยู่ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) เจาะตลาด Global Brand รวมทั้ง วางแผนต่อยอดมายังอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาส อาทิ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก
อีกทั้ง POLY มีความเฉพาะด้านสูง ไม่ว่าจะเป็นสูตรการผสมวัตถุดิบ เทคนิคการขึ้นรูปชิ้นงาน รวมถึงเครื่องจักรที่สามาถรองรับความต้องการลูกค้าได้หลากหลายประเภท และขยายไปได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยนำนวัตกรรมตอบโจทย์เทรนด์โลกยุคใหม่ ดังนั้น จึงมองว่า POLY วันนี้ยังเป็นอีกหนึ่งบริษัทชิ้นส่วนที่ซ่อนมูลค่าการเติบโตไว้ หลังระดมทุน นำเงินไปใช้ขยายการเติบโตตามแผนงาน เชื่อว่า จะทำให้ POLY สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ ในช่วงจองซื้อหุ้นสามัญให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 9 – 11 พ.ย.ที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวนตั้งแต่วันแรก สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า ขณะที่ บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 6 บริษัทหลักทรัพย์ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าพื้นฐานของ POLY ปี 2566 ที่ 8.00-8.50 บ./หุ้น
นอกจากนี้ จากผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565 สะท้อนศักยภาพการเติบโต ด้านบอร์ด บริษัทฯ ประกาศอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทันที ขอตอบแทนผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่น สำหรับผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา จะได้รับเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย ตอกย้ำ POLY เป็นอีกหุ้นเติบโตที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม