บล.เมย์แบงก์ฯ มองคุมเข้มปล่อยกู้บ้านหลังที่ 2 หรือมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไปกระทบคอนโดมิเนียม Hifh-end แนะเลี่ยง ORI, ANAN, AP, LPN “โนมูระ พัฒนสิน” มองไม่กระทบคุณภาพ Backlog เริ่มใช้ปีหน้า ชี้คอนโดเกิน 10 ล้านบาทส่วนใหญ่วางเงินดาวน์เกิน 20% แนะ SC-GOLD ไม่กระทบ
หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับปรุงเกณฑ์การวางเงินประกันสำหรับการกู้บ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปและที่อยู่อาศัยมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ต้องวางดาวน์อย่างน้อย 20% ของมูลค่าหลักประกันและปรับเกณฑ์การนับสินเชื่อ top-up ที่ใช้หลักประกันเดียวกันให้สะท้อนความเสี่ยง ซึ่งจะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.62 นั้น
บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองว่าจะส่งผลลบต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ คือ กลุ่มคอนโดมิเนียมที่นิยมซื้อเพื่อการลงทุนหรือเก็งกำไร ซึ่ง Segment ที่ได้รับผลกระทบ คือ กลุ่ม High-end ขึ้นไป ดังนั้นกลุ่มที่โดนกระทบหนักสุด คือ คอนโดมิเนียมที่ราคาเกินกว่า 10 ล้านบาท
“ระหว่างนี้แนะนำ หลีกเลี่ยง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม คือ ORI, ANAN, AP, LPN, คาดจะส่งผลเชิงลบต่อประมาณการในอนาคตระดับ Rejection” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ
ส่วนหุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัด คือ GOLD เพียงบริษัทเดียว เนื่องจากไม่มีคอนโดมิเนียมและมี Port ของราคาเกินกว่า 10 ล้านบาทเพียงเล็กน้อยและไม่ใช่ Core Product รวมทั้งมีส่วนของรายได้ค่าเช่ามาหนุน
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS) มองว่าเกณฑ์ดังกล่าวไม่ผลกระทบต่อคุณภาพ Backlog ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะเริ่มใช้ปี 2562 สำหรับโครงการใหม่ และส่วนใหญ่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีสัดส่วนคอนโดเกิน 10 ล้านในพอร์ตเช่น SIRI, AP, SC ก็มีการวางดาวน์สูงกว่า 20% เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มหลังที่ 2 ดังนั้นผลกระทบจึงเป็นแค่ Sentiment ไม่กระทบพื้นฐาน แนะนำซื้อสะสม รับการเติบโตในครึ่งปีหลังของปี 2561 โดดเด่น ได้แก่ SC, GOLD ซึ่งเน้นแนวราบไม่กระทบ