HoonSmart.com>> “บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” กำหนดอัตราผลตอบแทนสำหรับหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในไทย จำนวน 4 รุ่น อายุประมาณ 2-10 ปี ผลตอบแทน 2.95%-4.70% ต่อปี ขายผ่าน 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ดีเดย์ 25 และ 28-29 พ.ย.65
นายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ผู้เสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกในประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำหนดอัตราผลตอบแทนสำหรับหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bonds : SLB) ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 รุ่น ประกอบด้วย รุ่นอายุ 1 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ย 2.95% ต่อปี รุ่นอายุ 4 ปี 5 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.85% ต่อปี รุ่นอายุ 7 ปี 5 เดือน 29 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.35% ต่อปี และรุ่นอายุ 9 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.70% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
หุ้นกู้ดังกล่าวจะเสนอขายผ่านสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย 5 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ระหว่างวันที่ 25 และ 28-29 พฤศจิกายน 2565 กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยทุกการลงทุน 100,000 บาท ได้มีส่วนช่วยลดคาร์บอนเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 7 ต้น
นอกจากนี้หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ “A” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565 สะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยทริสเรทติ้งระบุว่า เป็นผลมาจากการมีรายได้ค่าบริการที่สม่ำเสมอจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้า ตลอดจนมีกระแสเงินสดรับจากการลงทุนในสัดส่วน 33.33% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) และสถานะที่มั่นคงในธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจจัดจำหน่ายของบริษัทฯ
“บีทีเอส กรุ๊ปฯ พร้อมที่จะสร้างมิติใหม่ให้กับการลงทุน ด้วยการนำเสนอหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนหรือ SLB ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยนอกจากผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนแล้ว ผู้ลงทุนยังได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมความยั่งยืนไปพร้อมกันกับบริษัทฯ ซึ่งเชื่อว่า หุ้นกู้ของบริษัทฯ จะได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปเป็นอย่างดี หลังจากที่เราประสบความสำเร็จจากการเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหญ่และผู้ลงทุนสถาบันมาแล้ว” ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บีทีเอส กรุ๊ปฯ กล่าว
ที่ผ่านมา บีทีเอส กรุ๊ปฯ มุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืน โดยกำหนดกลยุทธ์ระยะยาวด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Strategy) ด้วยการคงสถานะความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และกำหนดให้เพิ่มสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างน้อย 10% ของการดำเนินงาน ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับการยอมรับในด้านการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนทั้งในระดับประเทศและระดับสากล อาทิ ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (DJSI) เป็นระยะเวลา 4 ปี ติดต่อกัน (ปี 2561-2564) ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนี FTSE4Good Index Series ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นที่ 1 ของโลก 2 ปีซ้อน จาก DJSI (DJSI Industry Leader) ในกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทในกลุ่มขนส่งทางรางแห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่ได้รับการรับรองว่าเป็นบริษัทที่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์หรือ Carbon Neutral Transportation Company จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนเป็นหุ้นกู้ที่มีข้อตกลงหรือเงื่อนไขให้ผู้ออกหุ้นกู้มีการดำเนินการตามภาระผูกพันเพิ่มเติม โดยข้อตกลงหรือเงื่อนไขในการดำเนินงานตามภาระผูกพันดังกล่าว จะอ้างอิงกับผลสำเร็จหรือผลการดำเนินการตามตัวชี้วัด (KPI) และเป้าหมายด้านความยั่งยืน (SPT) ของผู้ออกหุ้นกู้ในอนาคตที่จะทำให้เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
สำหรับตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนของ “บีทีเอส กรุ๊ปฯ” ที่ใช้ในการอ้างอิงสำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ มี 2 ด้าน ได้แก่ 1) ตัวชี้วัดด้านประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ซึ่งเป็นสายหลักของบริษัทในปัจจุบัน) โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ มีเป้าหมายลดการใช้ไฟฟ้าให้ได้ 8% จากการดำเนินงานปกติ ภายใน 9 ปี หรือ ภายในปี 2574 และ 2) ตัวชี้วัดด้านปริมาณการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่า 10% ในแต่ละปีของการใช้ไฟฟ้าสำหรับการดำเนินงานของรถไฟฟ้าสายสีเขียว สำหรับรายละเอียดของตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืน สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)
ทั้งนี้ หากบีทีเอส กรุ๊ปฯ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนทั้งสองเป้าหมายภายในวันประเมินผลแต่ละครั้ง บริษัทฯ จะมีภาระผูกพันด้านการส่งเสริมความยั่งยืน เป็นจำนวนเงินเทียบเท่าอัตรา 0.10% ต่อปี ของมูลค่าการเสนอขายของหุ้นกู้ชุดนั้น ๆ หรือหากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนอย่างใดอย่างหนึ่งภายในวันประเมินผล จะมีภาระผูกพันเป็นจำนวนเงิน เทียบเท่าอัตรา 0.05% ต่อปี ของมูลค่าการเสนอขายของหุ้นกู้ชุดนั้น ๆ โดยภาระผูกพัน คือ บริษัทฯ ต้องดำเนินการผลิตหรือจัดหาไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Credits: RECs) จากหน่วยงาน และ/หรือ องค์กรที่เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ และ/หรือ สากล ซึ่งหน้าที่เพิ่มเติมดังกล่าวเป็นการยืนยันถึง Commitment ที่บริษัทฯ มีต่อประเด็นเรื่องความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม