TTB ซื้อคืนตราสารหนี้ตปท. 125 ล้านดอลลาร์ ทะลุเป้า

HoonSmart.com>>ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เผยผลซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ( AT1) จากต่างประเทศได้ 125.37 ล้านดอลลาร์ มากกว่าที่คาดไว้ระดับ 120 ล้านดอลลาร์  หนุนการบริหารต้นทุนทางเงินในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ยันไม่กระทบต่อฐานะเงินกองทุน ซึ่งยังคงอยู่ในระดับสูง

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ซื้อคืนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ( AT1) ในต่างประเทศ (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ก่อนกำหนด ในวันที่ 26 ต.ค.-3 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถรับซื้อคืนได้ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 125,373,000 ดอลลาร์สหรัฐ มากกว่ากรอบที่วางไว้ ที่ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนตอบรับคำเสนอซื้อดีกว่าที่คาดไว้ จึงมองเป็นโอกาสและตัดสินใจซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะพิจารณาแล้วว่ายังอยู่ในกรอบที่รับได้และเป็นประโยชน์ต่อการบริหารต้นทุนการกู้ยืมที่ไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระดับเงินกองทุน และที่ผ่านมาธนาคารดำรงฐานะเงินกองทุนในระดับสูงมาโดยตลอด

ทั้งนี้เมื่อรวมการซื้อคืนจากการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์กับการซื้อคืนตราสารหนี้ AT1 ที่ได้ดำเนินการซื้อคืนมาบางส่วนจากตลาดรองในต่างประเทศ (Open Market Repurchase) ในช่วงก่อนหน้า จำนวนรวม 28,960,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมที่ซื้อคืนทั้งสิ้น 154,333,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือ คิดเป็น 38.58% ของจำนวนเงินต้นรวมทั้งหมดของตราสารหนี้ AT1

การทำธุรกรรมการซื้อคืนดังกล่าว ไม่มีผลต่อระดับเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของธนาคาร และในเบื้องต้นประเมินว่าอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) จะลดลงไม่เกิน 0.4%  ณ สิ้นไตรมาส 3/2565 อัตราส่วน CAR และอัตราส่วน Tier 1 อยู่ที่ 20.0% และ 16.0% ตามลำดับ การลดลงในระดับดังกล่าวจึงไม่มีผลกระทบต่อการดำรงเงินกองทุนตามเกณฑ์ขั้นต่ำสำหรับธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 12.0% และ 9.5% แต่อย่างใด

นายปิติ ตัณฑเกษม กล่าวสรุปว่า ภายใต้วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ธนาคารให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ  ที่ผ่านมา ธนาคารได้มีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อรองรับแนวโน้มดอกเบี้ยในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทยอยเพิ่มสัดส่วนเงินฝากประจำมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพื่อลดการแข่งขันด้านเงินฝากและช่วยในการบริหารต้นทุนทางการเงินเมื่ออัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศเป็นขาขึ้น

นอกจากนั้น ยังได้ปรับพอร์ตการลงทุนให้มีความยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนการลงทุน เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากภาวะตลาดและทิศทางดอกเบี้ย นอกเหนือจากการดำเนินการเหล่านี้ธนาคารก็มีแผนงานอื่น ๆ ที่จะดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดหาเงินทุน ซึ่งมองว่าจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนรายได้และบริหารค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยต่อไป