Exclusive News
“ดิฉันไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใคร และแยกแยะได้ระหว่างเพื่อนในอุตสาหกรรมเดียวกัน กับการแข่งขัน ถ้าดิฉันไปนั่งในตำแหน่งอะไรก็ตามแล้วแข่งขันกับใครไม่ได้ ก็ไม่ถูก ดิฉันไม่เคยสนใจตำแหน่ง สนใจมาตลอดคือ การทำเพื่ออุตสาหกรรมตลาดทุน”
สุภาษิต คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ คำๆ นี้ใช้ได้กับทุกคน วันนี้ “ภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส เธอกำลังได้ใช้สุภาษิตนี้
“ภัทธีรา-อู้” เธอมีตำแหน่งอีก 3 ตำแหน่ง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (สมาคมบล.) หญิงคนแรกที่ครองเก้าอี้นายกฯ สมาคมบล.ถึง 2 สมัย 8 ปีซ้อน เธอไม่ได้ดำรงตำแหน่งเพียงเท่านี้ในตำแหน่งนายกสมาคม ที่เชื่อมต่อไปถึงตำแหน่งคณะกรรมการวินัยของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่เป็นหน่วยงานกำหนดชะตาชีวิตการทำงานของคนโบรกเกอร์, ตำแหน่งเชื่อมไปถึงการเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ อยู่ในตำแหน่งคณะกรรมการพิจารณาผลตอบแทน สรรหาผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
นอกเหนือจากซีอีโอ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ที่ “ภัทธีรา” ได้รับมา หากเธอทำได้ดี ก็เสมอตัว แต่ถ้าทำไม่ถูกใจ ก็ถูกด่ารัว ๆ ฉายาที่เธอได้รับมา “เจ้าแม่ตลาดหุ้น” หรือ “มาเพียตลาดหุ้น” เจ้าตัวจึงไม่เต็มใจที่จะรับฉายานี้โดยไม่ชอบธรรม
ปมเหตุที่ทำให้ เพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการ พูดกันหนักขึ้นทุกวัน น่าจะเป็นเรื่อง “ผลประโยชน์ทับซ้อน” หรือการ “จำกัดคู่แข่ง” จากการคุมหน่วยงานต่างๆ นั่นเอง เป็นคลื่นใต้น้ำที่กระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา กระทั่งกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ ที่เล่นงานเธอ
การร้องเรียนจึงเกิดขึ้น เรื่องไปถึงผู้ใหญ่ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
www.hoonsmart.com ได้เปิดโอกาสให้ “อู้ -ภัทธีรา” มีโอกาสได้พูด ชี้แจง ทำความเข้าใจ ไม่ใช่แก้ตัว แต่เป็นความจริงที่เธออยากพูด ส่วนใครจะเข้าใจ เชื่อ-ไม่เชื่อ ลองเปิดใจรับฟัง
คำแรกที่เธอพูด ก็คือ เธอไม่ใช่เจ้าแม่ตลาดหุ้น ไม่ใช่มาเฟีย ไม่เคยทำอะไรผิดหรือคนไม่ยอมรับ สิ่งที่เธอทำในอุตสาหกรรมนี้ (ตลาดทุน) เธอแยกแยะได้ ระหว่างเพื่อนพี่น้อง กับการแข่งขัน การที่เธอเป็นนายกสมาคมโบรกเกอร์ ขณะที่เป็นผู้บริหารดีบีเอส ฯ จะแข่งขันกับใครไมได้ ก็ไม่ยุติธรรมกับธุรกิจที่เธอทำอยู่ หมวกอะไรก็ตามที่เธอใส่ เธอจะทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ไม่เคยสนใจหรือดิ้นรนหาตำแหน่งมาให้ตัวเอง ที่สนใจทำมาตลอดเพื่ออุตสาหกรรมนี้ ที่ทำมาตรงนี้ ไม่ได้ผลประโยชน์อะไร แต่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา
“ภัทธีรา “บอกว่า แม้เธอจะเป็นคณะกรรมการวินัย ของสำนักงานก.ล.ต. แต่เธอไม่มีอำนาจหน้าที่ ไปตัดสินใคร เป็นเพียงเสียง 1 เสียงในคณะผู้ทรงวุฒิเท่านั้น ที่ให้ความเห็นไปตามเนื้อผ้า ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
“ดิฉันยืนยันได้ว่า ดิฉันไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินลงโทษใคร เป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักก.ล.ต.หรือตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งไม่รู้ว่า ใครเป็นใคร กำลังพิจารณาตัดสินใคร หากรู้ว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ดิฉันจะไม่เข้าร่วมพิจารณา สิ่งที่ทำมาตลอด พยายามพยุงอุตสาหกรรม ไม่เคยคิดแกล้งใคร มีปัญหาก็แก้ไป ทำไปเรื่อย ๆ ไม่เคยคิดดิ้นรนอยากได้ตำแหน่ง ถ้าใครมาอยู่ตรงนี้ (นายกสมาคม) ก็ต้องเชื่อมต่อกับหน่วยงานก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ ขบวนการมีดูแลตรวจสอบได้ ถ้าใช้อำนาจไม่เหมาะสม ดีบีเอส ฯ ก็โดนเหมือนกัน ไม่มีใครเกรงใจใคร ”
ภัทธีรา ทิ้งท้ายการสนทนาครั้งนี้ว่า เธอรักอุตสาหกรรมตลาดทุน ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด รักเพื่อนฝูงในวงการ ไม่เคยมีความคิดแกล้งใคร ท้อแท้และเสียกำลังใจ ไม่ต้องการเป็นนายกสมาคม ฯ ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่