HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 93 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วง 1.04% ปิดต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี แรงขายหุ้นเทคโนโลยี นักลงทุนกังวลดอกเบี้ยสูง จับตารายงานเงินเฟ้อ ด้าน”ราคาน้ำมันดิบ” ลดลง 1.51 ดอลลาร์ “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดลบ ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ปิดที่ 29,202.88 จุด ลดลง 93.91 จุด หรือ 0.32% อ่อนตัวลงในช่วงท้ายของการซื้อขายจากการลดลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีด้วยความวิตกต่อการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการไตรมาสสามและการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,612.39 จุด ลดลง 27.27 จุด, -0.75%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,542.10 จุด ลดลง 110.30 จุด, -1.04% เป็นการปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี จากการปรับตัวลงของหุ้นเทคโนโลยี นำโดยกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ทั้ง Nvidia ที่ลดลง 3.4% และ หุ้น AMD ที่ลดลง 1.1% ขณะที่การลดลงของหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น ไมโครซอฟต์ที่ลดลง 2.1% ดึงดัชนี S&P500 ให้ลดลง
หุ้นเซมิคอนดักเตอร์ลดลงหลังฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศนโยบายใหม่ควบคุมการส่งออกที่จำกัดบริษัทสหรัฐฯในการขายชิปคอมพิวเตอร์ขั้นสูงและอุปกรณ์การผลิตที่เกี่ยวข้องให้กับจีน ประกอบกับแรงขายด้วยความกังวลเกี่ยวกับดอกเบี้ยสูง เพราะกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นร่วงลงหลังเจมี ไดมอน ซีอีโอของ เจพี มอร์แกนเตือนว่า สหรัฐฯจะเจอเศรษฐกิจถดถอยในปี 2023 หรืออีก 6-9 เดือนข้างหน้า และไม่ใช่การถดถอยแบบการหดตัวเล็กน้อยอย่างที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินไว้
ไดมอนกล่าวว่า เงินเฟ้อ สงครามในยูเครน และผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปถดถอยแล้ว
นักลงทุนยังระมัดระวังในการลงทุนขณะที่รอผลการดำเนินงานและข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารใหญ่ 4 แห่ง คือ เจพีมอร์แกน เวลลส์ฟาร์โก มอร์แกน สแตนเล่ย์ และซิตี้ จะแจ้งผลประกอบการในวันศุกร์ ส่วนข้อมูลดัชนี Producer Price Index เดือนกันยายนจะเผยแพร่วันพุธ และดัชนี Consumer Price Index ในวันพฤหัสบดี
จากการสำรวจของบลูมเบิร์กนักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 6.5% จาก 6.3% เมื่อเทียบรายปี
นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการของ เฟด กล่าวว่า เฟดเห็นสัญญานเบื้องต้นว่าตลาดแรงงานเริ่มชะลอตัวลง และรับรู้ว่า ผลของนโยบายที่ใช้เวลานั้น หมายความว่าการขึ้นดอกเบี้ยล่าสุดจะมีขยายผลกระทบไปยังภาคธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ในระบบเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รวมทั้งตระหนักถึงผลที่ลุกลามขยายไปสู่เศรษฐกิจโลกไม่เฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯเท่านั้น
ตลาดพันธบัตรปิดทำการเมื่อวานนี้เนื่องในวัน Columbus
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 1.7% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ด้วยความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางหลายประเทศ ขณะที่จับตาสงครามในยูเครนที่ส่อว่าจะยืดเยื้อ
ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England:BoE) ประกาศมาตรการที่จะขยายการซื้อพันธบัตรออกไปจากเดิมที่กำหนดสิ้นสุดวันที่ 14 ตุลาคม โดยจะมีการเสริมสภาพคล่องเพื่อให้ตลาดทำงานได้อย่างราบรื่นในช่วงการยุติมาตรการ QE
การประกาศของ BoE ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวไปที่ 4.455%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นไปที่ 2.34%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 390.12 จุด ลดลง 1.55 จุด, -0.40%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,959.31 จุด ลดลง 31.78 จุด, -0.45%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,840.55 จุด ลดลง 26.39 จุด, -0.45%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,272.94 จุด ลดลง 0.06 จุด, -0.001%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.51 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 91.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.73 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 96.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล