ดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย 42 จุด จ้างงานแกร่งวิตกเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 42 จุด แรงซื้ออ่อนตัวลงในช่วงท้ายของชั่วโมงซื้อขาย หลังรายงานข้อมูลตลาดแรงงานแข็งแกร่ง นักลงทุนวิตกเฟดอาจเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย จับตารายงานการจ้างานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ ปิด 87.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ส่วนใหญ่ปิดลบ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5 ตุลาคม 2565 ปิดที่ 30,273.87 จุด ลดลง 42.45 จุด หรือ 0.14% แม้ดัชนีปรับขึ้นถึง 300 จุดในช่วงหนึ่ง แต่แรงซื้ออ่อนลงในช่วงท้ายของชั่วโมงซื้อขาย หลังจากการรายงานข้อมูลตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนวิตกว่าธนาคารกลาง(เฟด)อาจจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,783.28 จุด ลดลง 7.65 จุด, -0.20%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,148.64 จุด ลดลง 27.77 จุด, -0.25%

อย่างไรก็ตามทั้งสามดัชนีฟื้นจากจุดต่ำสุดของวัน จากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มพลังงานนำโดยหุ้นชลัมเบอร์เกอร์เพิ่มขึ้นกว่า 6% หุ้นเอ็กซอน โมบิลเพิ่มขึ้น 3.8% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตันบวก 2.9% หลังกลุ่มโอเปกและพันธมิตรตัดสินใจลดกำลังการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลล์ต่อวัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 3.7% ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับตลาด หลังการเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 208,000 ตำแหน่งจาก 185,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคมและสูงกว่า 200,000 ตำแหน่งที่นักวิเคราะห์

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงานภาคบริการยังขยายตัวเพราะยังสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งเป็นระดับที่บ่งชี้ถึงการขยายตัว โดยดัชนีภาคบริการเดือนกันยายนอยู่ที่ระดับ 56.7 จากระดับ 57.9 ในเดือนสิงหาคม แต่สูงกว่า 56 ที่นักวิเคราะห์คาด ภาคบริการมีสัดส่วนใน GDP ถึง 45%

เจฟฟรีย์ โรช จาก LPL Financial กล่าวว่า ดูจากข้อมูลแล้วเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในขนาดใหญ่อีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน

นักลงทุนยังจับตาการรายงานการจ้างานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า กล่าวว่า เฟดยังต้องทำอีกมากกว่าจะประกาศว่ามีชัยเหนือเงินเฟ้อ รวมทั้งต้องระมัดระวังเพราะการต่อสู้กับเงินเฟ้อเพิ่งเริ่มขึ้นเท่านั้น และต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะดึงเงินเฟ้อให้กลับเข้ากรอบเป้าหมาย 2% ได้
นายบอสติกมองว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds rate น่าจะขึ้นไปแตะที่ระดับ 4%-4.5% ก่อนที่เฟดจะเริ่มประเมินผล ปัจจุบันดอกเบี้ยอยู่ที่ 3%-3.25% ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดเดือนกันยายนคาดการณ์ว่าจะ 4.6% ในปี 2023

สำหรับความคาดหวังว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีหน้านั้นนายบอสติกกล่าวว่า ไม่เร็วขนาดนั้น

กระทรวงพาณิชย์ รายงานการขาดดุลการค้าเดือนสิงหาคมว่ามีจำนวน 67.4 พันล้านดอลลาร์ลดลง 3.1 พันล้านดอลลาร์ และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 และต่ำกว่า 67.7 พันล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาด การนำเข้าลดลง 1.1% มีมูลค่า 326.3 พันล้านดอลลาร์ การส่งออกลดลง 0.3% มีมูลค่า 258.9 พันล้านดอลลาร์

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 3.2% หลังแรงส่งจากตลาดทั่วโลกอ่อนตัวลง นักลงทุนวิตกต่อแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะถดถอย หลังข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนหดตัวลงอีก แต่กลุ่มน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น 0.8%

S&P Global รายงานดัชนี PMI รวมขั้นสุดท้ายของยูโรโซน เดือนกันยายนลดลง มาที่ 48.1 ต่ำสุดในรอบ 20 เดือนจาก 48.9 ในเดือนสิงหาคมและต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ 48.2

าสาฝสสาฝฝสสาฝสาเงินปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงมาที่ 1.1291 ต่อดอลลาร์หลังจากนางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีแถลงในเรื่องมาตรการภาษี ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่าไม่สามารถทำให้ตลาดคลายความกังวลได้

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 398.91 จุด ลดลง 4.12 จุด, -1.02%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,052.62 จุด ลดลง 33.84 จุด, -0.48%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,985.46 จุด ลดลง 54.23 จุด, -0.90%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,517.18 จุด ลดลง 153.30 จุด, -1.21%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.24 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 87.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 93.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล