HoonSmart.com>> “บล.ทิสโก้” ชี้หุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในทิศทางดีกว่าตลาดหุ้นโลก แนะทยอยซื้อสะสมช่วงโค้งสุดท้ายของปี 65 ชู 4 ธีม เพื่อกระจายความเสี่ยงรับตลาดหุ้นผันผวน “ธีมหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น, ธีมหุ้น Re-opening ธุรกิจมั่นคงทนทานภาวะเงินเฟ้อ ,ธีมหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว , ธีมหุ้น Bottom Fishing พร้อมคัด 8 หุ้นเด่นน่าลงทุน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตัวชี้ที่สำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงดีอยู่ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ผ่อนคลาย คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาขยายตัวมากกว่าระดับ 3% ในช่วงไตรมาส 3/2565 และไตรมาส 4/2565 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเข้าสู่ “ภาวะถดถอยที่แท้จริง” ในช่วงครึ่งหลังปี 2566 เพราะคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะขึ้นมาสู่ระดับ 4.25-4.50% ในปีนี้ และ 4.50-4.75% ในปีหน้า และอัตราการว่างงานที่ควรจะต้องสูงกว่าระดับ 5% ขึ้นไป จึงจะทำให้ FED พอใจที่จะกดเงินเฟ้อปรับตัวลงได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันทั้ง 3 ดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะหมีครบหมดแล้ว หลังปรับตัวลงมากกว่า -20% จากที่เคยขึ้นสูงสุดในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่สถานการณ์ขณะนี้ บล.ทิสโก้มองว่านักลงทุนควรเผื่อใจไว้สำหรับกรณีที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจถลำลึกเข้าสู่ภาวะหมีมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อิงจากการศึกษาภาวะหมีของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในอดีตนับตั้งแต่ปี 2503 เป็นต้นมา บล.ทิสโก้พบว่า จะกินเวลาเฉลี่ยประมาณ 14 เดือน และจะปรับตัวลงเฉลี่ยประมาณ -34% จากจุดสูงสุด เพราะฉะนั้น หากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะหมีเทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต อาจเห็นจุดต่ำของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงปลายไตรมาส 1 ถึงต้นไตรมาส 2 ของปีหน้า ที่ระดับดัชนี S&P500 บริเวณ 3,140 – 3,240 จุด หรือคิดเป็นโอกาสการปรับลดลง (Downside) อีกราว 10-12% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 3,600 จุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ มีลุ้นผลกระทบเชิงบวกจากการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ((US Mid-Term Elections Rally) ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเสมอ เฉลี่ย +7.3% ด้วยระดับความเชื่อมั่นสูงถึง 86% น่าจะเป็นความหวังหนึ่งที่อาจช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนได้ หลังจากที่ปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทิ้งตัวลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี
สำหรับการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนช่วงกลางเดือนนี้ หากจีนส่งสัญญาณผ่อนคลายการดำเนินนโยบายการเงินและนโยบาย “Zero Covid” รวมทั้งการเร่งรัดนโยบายการคลังเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ บล.ทิสโก้คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะตอบสนองเชิงบวกต่อผลการประชุมดังกล่าว เนื่องจากไทยพึ่งพาการค้าและการท่องเที่ยวจากจีนมากเป็นอันดับ 1 น่าจะได้ประโยชน์สูง
ด้านงบแบงก์ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการในช่วงกลางเดือนนี้ บล.ทิสโก้คาดว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของบล.ทิสโก้ทั้ง 7 แห่งจะออกมาดี มีกำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 5.08 หมื่นล้านบาทใน 3/2565 เพิ่มขึ้น 28.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และเพิ่ม 2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลัก ๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและการเติบโตของสินเชื่อ ขณะที่การตั้งสำรองฯ ในไตรมาสนี้คาดว่าจะลดลงได้เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามบล.ทิสโก้มองว่าถึงแม้ตลาดหุ้นโลกช่วงนี้จะมีความผันผวนสูง และกดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตาม แต่ตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นโลก (Outperform) และเป็นไปตามที่บล.ทิสโก้มองไว้อยู่แล้วตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จึงมองว่าเป็นจังหวะซื้อสะสมช่วงสุดท้ายของปีนี้
หุ้นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือนตุลาคมนี้ จะเน้นการลงทุนในหลาย ๆ ธีม เพื่อกระจายความเสี่ยงได้แก่ 1. ธีมหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยปรับขึ้น แนะนำ BBL 2. ธีมหุ้น Re-opening ธุรกิจมั่นคงมีความทนทานสูงต่อภาวะเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ แนะนำ BDMS และ BEM 3.ธีมหุ้นที่มีปัจจัยสนับสนุนเฉพาะตัว เด่น DTAC, KISS และ PIMO 4. ธีมหุ้น Bottom Fishing แนะนำ BANPU และ MTC