HoonSmart.com>> “บลจ.อเบอร์ดีน” ชี้เป้าลงทุนหุ้นปันผลทั่วโลก ชู “กองทุนอเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดิวิเด็น ฟันด์” สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง แนะจังหวะทยอยลงทุน สร้างผลตอบแทนระยะยาว ทางเลือกลงทุนฝ่าวิกฤตเงินเฟ้อสูง กลยุทธ์เฟ้นหุ้นทั่วโลกทั้ง “หุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า” ที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ พร้อมหาจังหวะลงทุนหุ้นจ่ายเงินปันผลพิเศษ เพิ่มผลตอบแทนรวม
MR.Josh Duitz Deputy Head of Global Equities abrn, US-New York กล่าวว่า ในสภาวะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกสูงมองการลงทุนในบริษัทที่จ่ายเงินปันผลได้ดีถือเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญ บริษัทโดยรวมที่เก็บข้อมูลจากทั่วโลกสามารถจ่ายผลตอบแทนเงินปันผลได้ 50% หรือมากกว่านั้นของทุกตลาด กิจการต่างๆ สามารถจ่ายเงินปันผลได้ และจากข้อมูลไตรมาส 2/65 ดัชนี MSCI ACWI มีอัตราเงินปันผลเติบโต 12.7% และคาดว่าปี 2566 ก็ยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้ระดับ 5% ถือว่าในภาวะที่เจอแรงกดดันจากเงินเฟ้อก็ถือว่าดี
สำหรับกองทุนอเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดิวิเดนด์ ฟันด์ (Aberdeen standard Global Dynamic Dividend Fund หรือ ABGDD) ซึ่งสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง จากพอร์ตหลักมีการลงทุน 95% ในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอ สร้างรายได้มั่นคงจากหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว และที่เหลือ 5% เฟ้นหาหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผลพิเศษ หรือมีเหตุการณ์พิเศษ ซึ่งกองทุนจะถือลงทุนในระยะเวลาสั้นๆ เพื่อหาโอกาสใหม่ๆ ลงทุน เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้แก่กองทุน ซึ่งในอดีตกองทุนสามารถจ่ายปันผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 6.5%
อย่างไรก็ตามจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 2/65 ออกมาดีกว่าที่คาดทั้งบริษัทใน S&P500 รวมถึงยุโรป นอกจากนั้นยังมีรายได้สูงกว่าคาด จากยอดขายบริษัทใน S&P500 ไม่รวมกลุ่มพลังงานเติบโตไม่ถึง 1% เมื่อเทียบไตรมาส 2/64 ขณะที่ยอดขายในยุโรปก็ชนะตลาดได้เช่นเดียวกันและมีมาร์จิ้นดีกว่าคาดในหลายอุตสาหกรรม
“แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/65 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาส 2/65 ซึ่งเป็นเรื่องปกติในไตรมาส 3 ที่ผลประกอบการมักไม่ดีเท่าไตรมาส 2 แต่ยังสามารถเติบโตได้ 3-4% ส่วนประเด็นจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่นั้นยังมอง 50 : 50 แต่หากดูจากอัตราเงินเฟ้อมองว่าพีคและช้าลงแล้วดูจากราคาพลังงานโลกปรับลดลงมา ถ้าเฟดสามารถรับมือกับตรงนี้ได้ดีและในด้านของแรงงานกลับเข้าทำงาน ในแง่ของต้นทุนจ้างงานไมน่าสูงไปกว่านี้ ทำให้เงินเฟ้อลดความร้อนแรงลง ถ้าไม่พีคในเดือนนี้ก็อาจเดือนหน้า”MR.Josh กล่าว
ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อัตรา 0.75-1% นั้น อยากให้มองภาพก่อนนัดสุดท้ายในเดือน พ.ย.ที่จะมีการเลือกตั้งมิดเทอมของสหรัฐฯ ถ้าดูจากสถติตั้งแต่ปี 1946 ตั้งแต่เลือกตั้งมิดเทอมปีนั้นเป็นต้นมา ช่วงระยะเวลา 12 เดือนหลังจากนั้นไม่เคยเห็นตลาดหุ้นร่วง น่าจะเป็นโอกาสดีสำหรับการสร้างผลตอบแทนของกองทุน ABGDD
“ตอนนี้ถือเป็นจังหวะในการลงทุนที่ดีที่สุดหรือไม่นั้นตอบยาก แต่การที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมา 10 ปีต่อเนื่อง ดังนั้นการลงทุนไม่ควรทุ่ม แต่ค่อยๆ เป็นค่อยๆไปลงทุนถัวเฉลี่ยแบบ DCA ในระยะยาว ซึ่งจากกลยุทธ์การลงทุนของกองทุนพบว่า 5 ปีที่ผ่านมาผลตอบแทนสูงกว่า MSCI และ Outperform ตลาดเทียบ 5-10 ปีที่ผ่านมา กลยุทธ์ซึ่งไม่ได้ดูแค่การจ่ายเงินปันผลเป็นหลัก แต่ดูผลตอบแทนรวม เจาะรายบริษัท โอกาสในการเติบโตและการลงทุนในอนาคต การสร้างกระแสเงินสด ซึ่งบ่งชี้บริษัทมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลปกติและปันผลพิเศษได้มากน้อยแค่ไหน”MR.Josh กล่าว
อย่างไรก็ตามในภาวะเงินเฟ้อสูง กลยุทธ์ของกองทุน ABGDD ถือเป็นทางเลือกที่ดีสามารถป้องกันเงินเฟ้อและหากลงไปดูในรายบริษัทที่สามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องในภาวะเงินเฟ้อ บริษัทสามารถขึ้นราคาสินค้าและเพิ่มการจ่ายปันผลได้หรือยังปันผลได้เท่าเดิม ซึ่งอเบอร์ดีนมีทีมนักวิเคราะห์ทั่วโลก มีการประชุมหารือและเลือกตัวหุ้นที่ดีที่สุดในการลงทุน 80-100 บริษัท
สำหรับหุ้นที่ลงทุนจะกระจายทั่วโลก โดยเน้นดูหุ้นรายตัว ซึ่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถือว่าน่าสนใจ รวมถึงกระจายลงทุนในยุโรป ซึ่งได้เพิ่มน้ำหนักในเยอรมันและอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้า มีการลงทุนมากขึ้นน่าจะเป็นโอกาสที่ดี และกลุ่มที่มีกระแสเงินสดที่ดีในกลุ่ม Consumer
กองทุน ABGDD ซึ่งเป็นกองทุนหุ้นต่างประเทศที่ลงทุนผ่านกองทุนหลัก Aberdeen Standard SICAV I – Global Dynamic Dividend Fund (กองทุนหลัก) โดยมี 3 ชนิดหน่วยลงทุน ได้แก่ 1.หน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า (ABGDD-A) มุ่งหวังที่จะนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนในระยะยาว 2.หน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (ABGDD-R) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหารายรับแบบสม่ำเสมอ และ 3.กองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ (ABGDD-SSF) สำหรับใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี