HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 173 จุด แตะระดับต่ำสุดรอบ 2 เดือน นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ ท่ามกลางความวิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย ราคาน้ำมันดิบร่วง ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบท่ามกลางการซื้อขายผันผวน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 15 กันยายน 2565 ปิดที่ 30,961.82 จุด ลดลง 173.27 จุด หรือ 0.56% เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ ซึ่งสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่เข้าใจได้ยาก รวมไปถึงเกาะติดข่าวของหุ้นรายตัว
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.35 จุด ลดลง 44.66 จุด, -1.13%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,552.36 จุด ลดลง 167.32 จุด, -1.43%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ไม่ช่วยดึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา เพราะยังมีความย้อนแย้งโดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 226,000 ราย ส่งผลให้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 41% จาก 363,000 รายเมื่อหนึ่งปีก่อน
ด้านยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.3% ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดวาจะทรงตัว แต่ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมปรับใหม่เป็นลดลง 0.4% จากที่ทรงตัว
ข้อมูลเศรษฐกิจชุดล่าสุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง และช่วยคลายกังวลต่อเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงได้เล็กน้อย นักลงทุนยังวิตกว่าธนาคารกลาง(เฟด)จะขึ้นดอกเบี้ยในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และยิ่งทำให้เศรษฐกิจน่ามีโอกาสถดถอย
เฟด รายงานผลสำรวจการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวม(Philly Fed manufacturing survey)เดือนสิงหาคมลดลง 0.2% จากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนกรกฎาคม ด้านเฟดสาขานิวยอร์กรายงานดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนกันยายนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ -1.5 สูงกว่า -13.8 ที่นักวิเคราะห์คาด
ไมเคิล กาเพน นักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America said ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เฟดน่าจะเตือนตลาดถึงความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจจะ hard landing หลังการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า โดยประมาณการเศรษฐกิจจะเติบโตลดลง ว่างงานมากขึ้น และจุดยืนนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ให้น้ำหนัก 30% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 1 ปีเพิ่มขึ้นทะลุระดับ 4% ก่อนที่จะลงที่ 3.992% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีอยู่ที่ 3.86%
เรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โพสต์ผ่าน LinkedIn ว่า หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงระดับ 4.5% เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อจะส่งผลให้ตลาดหุ้นลดลงมากถึง 20%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมนแซคส์ หุ้นเจพี มอร์แกนต่างบวกกว่า 1%
หุ้นอะโดบี (Adobe) ลดลง 16.9% หลังประกาศซื้อกิจการฟิกม่า (Figma) เครื่องมือสำหรับออกแบบ UX (User Experience) และ UI (User Interface) ที่ ในวงเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอื่นลดลงด้วย โดยหุ้นแอปเปิลลดลง 1.9% หุ้นเซลส์ฟอร์ซลดลง 3.4%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยหุ้นกลุ่มธนาคารบวก 1.7% หลังเจพีมอร์แกนปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนโดยชี้ว่ายังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีก 40% ส่งผลให้ดัชนีกลุ่มแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังวิตกต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง และเกาะติดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในสัปดาห์หน้า
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 414.78 จุด ลดลง 2.73 จุด, -0.65%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,282.07 จุด เพิ่มขึ้น 4.77 จุด, +0.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,157.84 จุด ลดลง 64.57 จุด, -1.04%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,956.66 จุด ลดลง 71.34 จุด, -0.55%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคมลดลง 3.38 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 85.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายนลดลง 3.26 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 90.84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล