ดาวโจนส์ปิดบวก 229 จุด เชื่อเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดแล้ว

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก 229 จุด นักลงทุนเชื่อมั่นเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดแล้ว ด้านเงินดอลลาร์อ่อนค่า แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานโดดเด่นหลังราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น จับตา CPI เดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แรงหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 กันยายน 2565 ปิดที่ 32,381.34 จุด เพิ่มขึ้น 229.63 จุด หรือ 0.71% ก่อนการรายงานเงินเฟ้อด้วยความเชื่อมั่นที่มากขึ้นว่าระดับราคาแตะระดับสูงสุดแล้ว ในขณะที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,110.41 จุด เพิ่มขึ้น 43.05 จุด, +1.06%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,266.41 จุด เพิ่มขึ้น 154.10 จุด, +1.27

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวโดดเด่น หลังราคาน้ำมันดิบ WIT เพิ่มขึ้น 1.3% มาที่ 87.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ และน้ำมันดิบ Brent บวก 1.4% มาที่ 94.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ โดยหุ้นเดวอน เอ็นเนอร์จี้ เพิ่มขึ้น 4% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 1.2%

นักลงทุนจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนสิงหาคมซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยเนื่องจากราคาน้ำมันลดลง แต่อาจจะอ่อนตัวลงไม่มากพอที่จะทำให้ธนาคารกลาง(เฟด)เปลี่ยนแนวนโยบายการเงินได้

โดยคาดว่าเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนกรกฎาคมและเพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปที่รวมหมวดอาหารและพลังงานจะลดลง 0.1% จากเดือนกรกฎาคมแต่ยังเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งจะนับเป็นเดือนที่สองติดต่อกันที่เงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่เป็นเดือนที่สองติดต่อกันที่เงินเฟ้อพื้นฐานเพิ่มขึ้น

เจพี มอร์แกนวิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อผ่านระดับสูงสุดและจะชะลอตัวในไม่กี่เดือนข้างหน้าหลังจากราคาก๊าซลดลง และราคานั้นดิบ BRENT ต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์

อย่างไรก็ตามตลาดยังคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนกันยายนนี้

เฟด สาขานิวยอร์ก เปิดเผยผลสำรวจการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคระยะเวลา 1 ปีและ 3 ปีว่าลดลงมาก โดยคาดว่าในช่วง 1 ปีข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อจะแตะระดับ 5.75% ซึ่งต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 จาก 6.2% ที่ในเดือนกรกฎาคม ส่วนเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะ 3 ปีลดลงสู่ระดับ 2.8% ต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2020 จาก 3.2% ในเดือนกรกฎาคม

ด้านศาตราจารย์เจอเรมี ซีเกล จากมหาวิทยาลัยวาร์ตัน ตลาดยังปรับตัวขึ้นได้อีกจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อกับเงินยูโร หลังธนาคารกลางสหภาพยุโรปปรับดอกเบี้ยขึ้นมากและส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินเข้มงวดต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าต่เนื่อง

เงินยูโรแข็งค่าต่อเนื่องไปที่ระดับสูงสุดรอบ 3 สัปดาห์เทียบเงินดอลลาร์ โดยแข็งค่าขึ้น

1.3% ในตลาดลอนดอนไปที่ 1.017 ดอลลาร์

หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ ผู้ผลิตยารายใหญ่เพิ่มขึ้น 5.4% หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ อนุมัติการจำหน่ายยารักษาโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis)

หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 1.7% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่านายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลาอาจคว่ำข้อตกลงซื้อกิจการทวิตเตอร์

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น 4.5% ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ของธนาคารกลางสหภาพยุโรป และส่งสัญญานที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีก

นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการที่ยูเครนโต้กลับรัสเซียและยึดพื้นที่คืนได้บางส่วน ทำให้คาดว่าวิกฤตพลังงานอาจบรรเทาลง แม้ตลาดจะผิดหวังกับตัวเลข GDP ของอังกฤษเดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากเดือนมิถุนายน ต่ำกว่า 0.3% ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 427.75 จุด เพิ่มขึ้น 7.38 จุด, +1.76%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,473.03 จุด เพิ่มขึ้น 121.96 จุด, +1.66%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,333.59 จุด เพิ่มขึ้น 121.26 จุด, +1.95%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,402.27 จุด เพิ่มขึ้น 314.06 จุด, +2.40%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 87.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 1.16 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล