IRPC ลั่น ‘เทิร์นอะราวด์’ ครั้งใหญ่ เร่งรายได้ธุรกิจใหม่-ปักเป้าหมาย Net Zero

HoonSmart.com>>”ไออาร์พีซี”ส่งสัญญาณเทิร์นอะราวด์-โตมั่นคง ขยายฐานรายได้จากธุรกิจใหม่ เพิ่มกำไร-ลดคาร์บอนฯ ผ่านการต่อยอดลงทุนกับพันธมิตร มีเทคโนโลยีในมือเพียบ ใกล้จบดีลควบรวมกิจการในประเทศ IRPC ตั้งเป้าสู่องค์กร Net Zero Emission ในปี 2060 ลดการปล่อยก๊าซฯ 20% ในปี 2030 จากปีฐาน 2018 ด้วยกลยุทธ์ ERA ส่วนกำไรในปี 65 ยอมรับต่ำกว่าปีก่อน ราคาน้ำมันดิบพีคแล้วQ2 ครึ่งปีหลังผันผวน ปิดซ่อมโรงกลั่น

ชวลิต ทิพพาวนิช

นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า ไออาร์ซีพีให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมและสิ่งแวดล้อม วางแผนการดำเนินงานต่อไปโดยการขยายฐานรายได้ไปสู่ธุรกิจใหม่ ผ่านวิธีการต่อยอดลงทุนกับพันธมิตร จากเดิมขายผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว โดยบริษัทไม่เดินไปตามลำพัง เพราะอาจจะไปถึงเป้าหมายช้า และใช้เงินลงทุนสูง

ขณะเดียวกันยังคงกลยุทธ์ซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งกำลังศึกษาหลายโครงการ คาดว่าในครึ่งปีหลังจะสรุปได้ 1 ดีล เป็นธุรกิจในประเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ (Downstream) หวังเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบทางด้านโพลิเมอร์  แผนงานในปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6,000-7,000 ล้านบาท รวมทั้งการซื้อกิจการขนาดเล็ก และ รองรับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (Ultra Clean Fuel Project : UCF) รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังการผลิตของโรงกลั่นและปิโตรเคมี ทั้งนี้ใช้เงินลงทุนน้อยกว่าแผนที่วางไว้ปีละ 1-1.2 หมื่นล้านบาทสำหรับแผน 5 ปี

“เราไม่เน้นการขยายกำลังการผลิตเพื่อโตเหมือนที่ผ่านมา เรามองหาธุรกิจใหม่ๆ ตามเทรนด์โลก  ซึ่งธุรกิจนั้นต้องสร้างรายได้และกำไรมากขึ้นกว่าเดิม และจะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงด้วย ลงทุนผ่านวิธีการร่วมทุนกับบริษัทเล็กๆ เป็นก้าวแรก ก้าวเล็กๆ เพื่อเข้าสู่ระบบนิเวศน์ก่อน รู้มาร์จิ้น รู้ผู้ประกอบการ  เป็นการทดลอง Sandbox ใช้เงินลงทุนไม่มาก หรือการเข้าร่วมทุนกับปตท. เพื่อสร้างวัสดุพิเศษ”

ที่ผ่านมาธุรกิจใหม่เริ่มสร้างรายได้ให้แล้ว  เช่น การใช้นวัตกรรมผลิตผ้า นำไปต่อยอดทางการแพทย์ ทำผ้าอนามัย ทำไส้กรองต่างๆ ปัจจุบัน IRPC มีเทคโนโลยีจำนวนมาก แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาว่าคุ้มค่าสำหรับการลงทุนหรือไม่ เช่น พลาสติกพิเศษทำตัวถังรถยนต์ โจทย์คือต้องมีความแข็งแรง และน้ำหนักเบา ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเรา 2-3 ตัว ผ่านการทดลองขั้นสุดท้ายของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นแล้ว รวมถึงผลิตภัณฑ์เกรดสูงทางการเพทย์ สามารถนำไปผลิตที่ใส่คอนแทคเลนส์ ไซริ้งค์ฉีดยา รวมถึงการรีไซเคิลพลาสติกมาผลิตขวดน้ำดื่มเพื่อขาย แต่ต้นทุนสูงกว่าขวดปัจจุบัน บริโภคคงยังไม่ยอมจ่ายจากเดิม

นายชวลิต กล่าวว่า IRPC ได้ตั้งเป้าหมายสู่องค์กร Net Zero Emission ในปี 2060 โดยตั้งเป้าสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 20% ภายในปี 2030 จากปีฐาน 2018 ที่ผ่านมา IRPC มีความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่ Net Zero Company ผ่านการดำเนินการด้วยกลยุทธ์ ERA ดังนี้

1. Eco-operation & technology การปรับปรุงกระบวนการผลิตภายในบริษัทฯ ลดการใช้พลังงานผ่านการกำหนดเป้าหมายโดยใช้ดัชนีชี้วัดการใช้พลังงาน  และเปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดทดแทน พร้อมทั้งกำลังศึกษาการใช้พลังงานทางเลือก โดยการลงทุนในโครงการ Solar Rooftop และ โครงการ Solar Farm เพื่อใช้สำหรับกระบวนการผลิตในโรงงานต่อไปในอนาคต

IRPC ประสบความสำเร็จจากการสร้างสวนโซลาร์ลอยน้ำในบ่อน้ำดิบสำรองพื้นที่รวมกว่า 200 ไร่  ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 9,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้บนเกาะเสม็ดทั้งเกาะ ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 10,000 ไร่

นอกจากนี้ยังมีโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและปรับปรุงคุณภาพน้ำมันดีเซลตามมาตรฐานยูโร 5 (UCF) ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 และเป็นไปตามนโยบายของ IRPC ที่มุ่งมั่นสู่การเป็นโรงงานสีเขียว คาดว่าจะพร้อมดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในต้นปี 2024 รวมถึงการแสวงหาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และธุรกิจใหม่ๆ ที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ

2. Reshape portfolio มุ่งแสวงหานวัตกรรมที่ส่งเสริมธุรกิจคาร์บอนต่ำ ธุรกิจพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และใช้ผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ

3. Absorption and offset โดยได้ดำเนินการร่วมกับกลุ่ม ปตท. 2 โครงการ  คือ 1. โครงการปลูกป่า เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2. โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage: CCS) หรือ CCS Hub Model

ทั้งนี้ CCS เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการผลิตได้ในระดับหลายล้านตันต่อปีและนำไปกักเก็บในชั้นธรณีที่มีศักยภาพและเหมาะสมแบบปลอดภัยและถาวร โดยไม่มีการปล่อยกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้อีก โดยจะเริ่มศึกษาในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี เพื่อเป็นต้นแบบสำคัญในการขยายผลสู่ระดับประเทศได้ในอนาคต

นอกจากนี้ได้สร้างการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านกลยุทธ์ความยั่งยืน 3C ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การบริหารจัดการตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) การสร้างคุณค่าเพื่อสังคมอย่างยั่งยืน (Creating Shared Value) และIRPC ยังให้การสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ผ่านโครงการ “Decarbonize Thailand Startup Sandbox” เพื่อสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพ ขับเคลื่อนการแสวงหาธุรกิจใหม่โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม (New S-Curve) เกี่ยวกับการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจพร้อมมุ่งไปสู่ Net Zero Emission

สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 2565 กำไรสุทธิจะลดลงกว่าปีที่ผ่านมา 14,504.62 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกมีกำไรเพียง 5,334.13 ล้านบาทและคาดแนวโน้มครึ่งปีหลังน่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจากในไตรมาส 4 จะมีการปิดปรับปรุงโรงกลั่น 2 แห่ง แต่ก่อนการปิดซ่อม บริษัทฯ จะเร่งเครื่องผลิตให้เต็มกำลังเพื่อสำรองไว้รองรับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างมีเสถียรภาพ  ส่วนธุรกิจปิโตรเคมี เบื้องต้นบริษัทฯ มีแผนจะปิดซ่อมบำรุงหน่วยผลิตปิโตรเคมีภัณฑ์เพิ่มเติมช่วงต้นปี 2566

อย่างไรก็ตามในปี 2565 มั่นใจว่ายังมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 2/2565  ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าราคาจะผันผวน  เฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 105 เหรียญฯ/บาร์เรล ทำให้ครึ่งปีหลังไม่มีกำไรจากสต๊อก