HoonSmart.com>> “เอ็กโซติค ฟู้ด” บุกตลาดซอสครึ่งปีหลัง 65 พร้อมปันผลผู้ถือหุ้น 0.188 บาท ย้ำความเชื่อมั่น โอกาสในตลาดซอสส่งออกยังเติบโตได้อีก จากแผนการตลาดที่เข้มข้น ล่าสุดปิดดีลลูกค้าได้เพิ่ม ด้านผลงานไตรมาส 2/65 ถูกกระทบสถานการณ์โควิดในทวีปยุโรปผ่อนคลาย ฉุดความต้องการซอสลดลง ด้านต้นทุนเพิ่ม มองเป็นปัจจัยลบระยะสั้น
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด (XO) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดซอสส่งออกในครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยได้ขยายออเดอร์ไปยังลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นต้น แม้ผลงานในไตรมาส 2/2565 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบยอดขายที่ลดลงจากหลายประเทศในทวีปยุโรปเริ่มมีการยกเลิกและ/หรือผ่อนคลายมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19 ทำให้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และมีการประกอบอาหารที่บ้านน้อยลง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายสินค้าของบริษัทในระยะสั้น โดย XO ยังอยู่ระหว่างบุกตลาดใหม่ที่น่าสนใจเพิ่มเติมอีก เชื่อว่าจะสามารถสนับสนุนฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต รับแนวโน้มตลาดซอสและเครื่องปรุงอาหารไทยมีแนวโน้มเติบโตระยะยาว เนื่องจากรสชาติอาหารไทย ครองใจผู้บริโภคต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก (มกราคม – มิถุนายน 2565) ในอัตรา 0.188 บาทต่อหุ้น กำหนดวันปิดสมุดทะเบียน (Record Date) ในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2565
“ภาพรวมปี 2565 เป็นอีกปีที่ท้าทาย สินค้ากลุ่มซอสซึ่งเป็นสินค้ากลุ่มหลักไฮมาร์จิ้น โดยมีสัดส่วนยอดขายกว่า 87.8% โดย ยอดขายปรับตัวลดลง จากประเทศในทวีปยุโรปผ่อนคลายสถานการณ์ COVID แต่มองเป็นปัจจัยลบระยะสั้น เพราะในแง่ของแผนการขยายตลาดเรายังสามารถทำได้ดี กลยุทธ์การสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางการตลาดหรือ Listing Fee ให้กับตัวแทนจำหน่าย ยังสร้างโอกาสนำผลิตภัณฑ์กลุ่มซอสของบริษัทบุกตลาดโลก ตลอดจนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเพิ่มฐานรายได้ที่มั่นคงในอนาคต” นายจิตติพร กล่าว
ทั้งนี้ ณ งวดครึ่งปีแรก XO มีสัดส่วนยอดขายหลักอยู่ในทวีปยุโรปกว่า 80% ด้านต้นทุนวัตถุดิบมีการล็อกราคาไว้ล่วงหน้าจนถึงสิ้นปี 65 เพื่อควบคุมความเสี่ยง และปัจจุบันใช้กำลังการผลิตในระดับ 64.3%
ด้านผลการดำเนินงานของ XO สำหรับงวดไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 391.62 ล้านบาท ลดลง 14.19% มีกำไรสุทธิ 94.81 ล้านบาท ลดลง 38.69% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าในไตรมาส 2/2565 เท่ากับ 41.85% เนื่องจากการลดลงจากยอดขาย ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตรวมลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเพิ่มขึ้น ประกอบกับการปรับขึ้นราคาของวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่รัดกุม
สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2565 (สิ้นสุด ณ มิถุนายน 2565) บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 739.37 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 189.97 ล้านบาท