HoonSmart.com>>หุ้นไทยร่วงเฉียด 10 จุด ตามต่างประเทศ เงินบาทปิด 36.51 อ่อนค่าสุดในรอบ 7 ปี กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ 1% สกัดเงินเฟ้อมิ.ย.พุ่งแรง 9.1% ธนาคารกลางหลายแห่งขึ้นดอกเบี้ยดักทางไว้ก่อน “กอบศักดิ์”คาดไทยขึ้นดอกเบี้ย 2% ถึงสิ้นปี 2.5% ช่วงมรสุม ลงทุนหุ้นไม่ง่าย แนะเก็บเงินสด รอลุยเมื่อเห็นสัญญาณจุดเปลี่ยน บล.ยูโอบีฯแนะช่วงสั้นให้ขายออกไปก่อน บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวรับหลัก 1,500-1,520
วันที่ 14 ก.ค.ตลาดหุ้นไทยร่วงตามตลาดต่างประเทศ ดัชนีลงลึกสุดเฉียด 15 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 1,536.82 จุด ลดลง 9.98 จุด หรือ-0.65% มูลค่าการซื้อขายราว 61,695.41 ล้านบาท ฝีมือสถาบันไทยเทกระจาด 2,761.74 ล้านบาท ต่างประเทศขายสุทธิ 1,468.17 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยช้อน 4,192 ล้านบาท ส่วนค่าเงินบาทปิดที่ 36.51บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 7 ปี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงมรสุม การลงทุนไม่ง่าย เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดปัจจัยที่อยู่นอกเหนือจากการควบคุมอะไรบ้าง จึงยังไม่ควรรีบเข้าซื้อหุ้น แม้ว่ามีหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีบางตัว ราคาร่วงลงไป 75% แล้วก็ตาม จะเข้าซื้อเมื่อเห็นสัญญาณเป็นจุดเปลี่ยนจึงเริ่มเข้าลงทุนได้
สหรัฐอเมริกาคงเร่งขึ้นดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ 3% เอาไม่อยู่ หลังเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.65 ออกมาสูงถึง 9.1% จากที่เคยคาดไว้ที่ 8.8% ส่วนไทยมีประชุม 3 ครั้ง คาดปรับขึ้น 2% ถึงสิ้นปีอยู่ที่ 2.5% นับว่าสูงมาก เทียบกับวิกฤตการณ์หลายครั้ง ดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 1.25% นอกจากนี้ ปัญหายุโรป ยอมรับว่ามองไม่ทะลุ เป็นห้องมืด หากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนลุกลามจะส่งผลกระทบหลายด้าน และปัญหาเศรษฐกิจจีน ยังเป็นความเสี่ยง
“หุ้นที่ร่วงลงแรงรอบนี้ เพราะตลาดคาดการณ์กันว่าการขึ้นดอกเบี้ย 0.50% คงไม่เกิดขึ้นแล้ว คงไปที่ 0.75% และล่าสุดตัวเลข Fed Funds Futures สัดส่วนกว่า 67% คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยปที่ 1% แล้ว ทำให้ตลาดผันผวน แต่เชื่อว่าในที่สุดเฟดจะสามารถจัดการได้ และราคาน้ำมันดิบเริ่มลดลง คาดว่าปลายปีนี้เงินเฟ้อจะปรับตัวลง และเฟดน่าจะส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยที่เบาลงด้วย”
สำหรับนโยบายเก็บภาษีขายหุ้น นายกอบศักดิ์ ย้ำว่าช่วงนี้อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม การเก็บภาษีจะทำให้สภาพคล่องลดลง และยิ่งซ้ำเติมนักลงทุนที่กำลังยากลำบากที่สุด รวมถึงนักลงทุนที่ลงทุนผ่านกองทุนรวม 10 ล้านคนก็ได้รับผลกระทบด้วย
“รัฐบาลมีทางออกในการเก็บรายได้ ควรรักษาสภาพคล่องของตลาดหุ้นเอาไว้ เมื่อบริษัทเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น จะช่วยเพิ่มเศรษฐกิจในอนาคต ฐานภาษีก็ใหญ่ขึ้นตาม มีข้อมูลบริษัทที่เข้าตลาดหุ้น จ่ายภาษีเพิ่ม 3 เท่า ใน 3 ปี”นายกอบศักดิ์กล่าว
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นปรับตัวลง โดยกลุ่มธนาคารนำดิ่ง คล้ายคลึงกับในภูมิภาคเอเชียที่ผันผวน จากความกังวลเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯสูงกว่าตลาดคาดไว้ แม้ว่าจะมองเงินเฟ้อใกล้จุดสูงสุดในไตรมาส 3/65 แต่ก็มีความกลัวธนาคารกลางทั่วโลกจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้เป็นภาพลบต่อการลงทุน
นอกจากนี้ ยังวิตกผลประกอบการงวดไตรมาส 2/65 ของบริษัทจดทะเบียนจะชะลอตัวด้วย จากที่มีปัจจัยการล็อกดาวน์ในจีน, สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ที่ยืดเยื้อ ช่วงสั้นนักลงทุนจึงขายลดความเสี่ยงก่อน พร้อมให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการขที่จะออกมา และรอดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 1% แต่ถ้าออกมาแล้วปรับขึ้น 0.75% ก็ไม่น่ากังวล
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 15 ก.ค.2565 ตลาดมีโอกาสซึมตัวลง โดยมีแนวรับ 1,530-1,520 จุด ส่วนแนวต้าน 1,547 จุด
บล.กสิกรไทยคาดเงินเฟ้อสหรัฐเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 9.1% สูงกวาคาดหนุนโอกาสประชุมเฟดรอบเดือน ก.ค. ขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นอย่างน้อยและดอกเบี้ยไทยอาจขึ้น 0.50% ในประชุมรอบ ส.ค. คงมุมมอง Bond yield, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านจุดสูงสุด” ให้กรอบเคลื่อนไหว 1530-1540 จุด
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ยังมองแนวรับหลัก 1,500-1,520+- จุด จะทำงานได้ดี และเป็นโอกาสเข้าสะสมโ ดยคาดหวังการรีบาวด์ เน้นกลุ่ม Value Play ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น