บลจ.ไทยพาณิชย์มองบวกหุ้นทั่วโลก พื้นฐานดีเศรษฐกิจยังโต

บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังมองบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก แม้หลายปัจจัยกดตลาดผันผวน เหตุเศรษฐกิจโลกยังเติบโต พร้อมจ่ายปันผลกองต่างประเทศ หุ้นญี่ปุ่น-หุ้นผันผวนต่ำ

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีความผันผวนเพิ่มขึ้นจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ กระแสการกีดกันทางการค้า และแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี แต่ปัจจัยพื้นฐานยังดี ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประมาณการเศรษฐกิจโลกจะโตในระดับ 3.9% ในปี 2561 ซึ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 2554 อีกทั้งในปี 2562 จะเติบโต 3.9%

นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นหลักทั่วโลกยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยผลประกอบการของตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีปัจจัยหนุนจากการปฏิรูปภาษีในต้นปี สำหรับตลาดหุ้นญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจโตแค่ 1.4% ในปี 2561 ซึ่งลดลงจากปี 2560 เติบโต 1.7% แต่ตัวเลขเศรษฐกิจยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี โดยล่าสุดอัตราการว่างงานอยู่ที่ 2.5% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 25 ปี อีกทั้งตลาดหุ้นจะได้ผลบวกจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในกรณีที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือดอกเบี้ยระยะยาวของสหรัฐฯ ขึ้นตาม

ขณะที่ญี่ปุ่นภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งภาคการผลิตและภาคการบริโภค การใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งภายในและต่างประเทศ รวมถึงช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มโอกาสทำกำไรของธุรกิจ โดยผลประกอบการของบริษัทยังคงเติบโตเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักต่อมูลค่าพื้นฐานของหลักทรัพย์ ขณะที่ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มแรงงานเพศหญิงที่เข้ามามีบทบาทในตลาดแรงงานมากขึ้น นอกจากนี้ดัชนีชี้วัดความมั่นใจทางเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มที่ดี สะท้อนให้เห็นว่าประชากรมีมุมมองเชิงบวกต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

นายสมิทธ์ กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นและกองทุนหุ้นผันผวนต่ำ พร้อมกันทั้ง 2 กองทุนใน วันที่ 27 เม.ย.2561 ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น LOW VOLATILITY (SCBLEQ) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 เม.ย.2560 – 31 มี.ค.2561 ในอัตรา 0.3802 บาทต่อหน่วย โดยจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.2500 บาทต่อหน่วย เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2560 คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.1302 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 4 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 0.6602 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 28 เม.ย.2559)

ทั้งนี้ กองทุน SCBLEQ มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 11.48% (ข้อมูล ณ วันที่ 23 เม.ย. 2561) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Low Volatility Equity Portfolio ชนิดหน่วยลงทุน (Share Class) I สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เน้นลงทุนในตราสารทุนที่โดยพื้นฐานมีความผันผวนคาดการณ์และความเสี่ยงขาลงคาดการณ์ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดโดยรวม

ส่วนกองทุนเปิด SCBNK225D จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2560 – วันที่ 30 มี.ค.2561 ในอัตรา 0.3033 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นการจ่ายปันผลครั้งที่ 7 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 2.6903 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 11 ต.ค.2556) ขณะที่กองทุนมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 19.56% (ข้อมูล ณ วันที่ 23 เม.ย.2561)

ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Nikkei 225 Exchange Traded Fund (กองทุนหลัก) เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารงานโดย Nomura Asset Management Co.,Ltd. จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และลงทุนในสกุลเงินเยน (JPY) มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารทุนทั้งหมดที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีนิคเคอิ 225 และตราสารทุนที่กำลังจะมาเป็นส่วนประกอบของดัชนีนิคเคอิ 225 ในสัดส่วนการลงทุนเดียวกับจำนวนหุ้นในดัชนีนิคเคอิ 225 (Nikkei 225 Index หรือ Nikkei Stock Average) มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าสินทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศ