HoonSmart.com>>หุ้น SUSCO บวก 3.87% เล็งผลงานปี 65 เติบโตสูง 52% YoY จากความต้องการน้ำมันปรับตัวขึ้น และปรับกลยุทธ์ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ESSO ช่วยสร้างยอดขาย รวมถึงหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายมาอยู่ที่ 4.50 บาท จากเดิม 3.80 บาท
เมื่อเวลา 15.27 น.หุ้น SUSCO บวก 3.87% มาอยู่ที่ 3.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท มูลค่าซื้อขาย 268.91 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 3.64 บาท ขึ้นสูงสุด 4.06 บาท และต่ำสุด 3.60 บาท
บล.ทิสโก้ แนะนำ”ซื้อ”หุ้นบริษัท ซัสโก้ (SUSCO) ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมใหม่อยู่ที่ 4.50 บาท (จากเดิม 3.80 บาท) จากคาดปี 65 เป็นปีที่เติบโตสูง 52% YoY โดยในไตรมาส 1/65 บริษัทรายงานกำไรสุทธิที่ดีกว่าที่คาดไว้ และคาดจะมีแนวโน้มที่โตต่อเนื่องในไตรมาสที่เหลือของปี
ความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวขึ้นตามกิจกรรมการเดินทางทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดปี 65 ปริมาณขายเติบโต 14% YoY และค่าการตลาดและกำไรสุทธิต่อลิตรยังคงมีแนวโน้มที่สูงกว่าในอดีตจากการบริหารจัดการต้นทุน ความร่วมมือกับพันธมิตรในการปรับเปลี่ยนสถานีบริการซึ่งช่วยสร้างยอดขายในขณะค่าใช้จ่ายปรับขึ้นในระดับที่ต่ำกว่ายอดขาย รวมถึงหุ้นอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยปัจจุบัน SUSCO ซื้อขายที่เพียง PER 11 เท่าและ PBV 1 เท่าปี 2022F ซึ่งอยู่ในระดับ -1 SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตเท่านั้น
ทั้งนี้ คาดปริมาณขายน้ำมันจะปรับตัวขึ้น YoY แต่ทรงตัว QoQ ในไตรมาส 2/65 จากการเปิดภาคเรียน รวมทั้ง การเปิดประเทศสร้างความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน สำหรับค่าการตลาด สำหรับค่าการตลาดในไตรมาส 1/65 ค่อนข้างทำได้ดีกว่าที่คาดไว้มาที่ 1.61 บาทต่อลิตร และคาดค่าการตลาดในไตรมาส 2/65 จะทรงตัว QoQ จากการขยับเพดานราคาน้ำมันดีเซลซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร รวมทั้งแนวโน้มน้ำมันโลกที่ผันผวนน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว แต่อาจจะถูกหักล้างบางส่วนจากสัดส่วนน้ำมันอากาศยานที่มีมาร์จิ้นต่ำเพิ่มขึ้น
สำหรับในปี 2565 กลยุทธ์การเติบโตของบริษัทมาจากการร่วมมือกับ ESSO ในการปรับสถานีบริการน้ำมันของ SUSCO เป็นแบรนด์ ESSO ซึ่งมีแบรนด์และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งจะมีแผนปรับปรุงทั้งสิ้น 81 สถานีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ (ปัจจุบันปรับปรุงแล้ว 35 สถานี) และ SUSCO ยังคงแผนการขยายสาขาของบริษัทเอง 10 สาขาในปีนี้ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยเพิ่มปริมาณขายต่อสาขา และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารลงเป็นการเพิ่มกำไรสุทธิต่อลิตร
พร้อมปรับประมาณการผลประกอบการปี 65-66 ขึ้น 15-19% มาที่ 356 ล้านบาท (52% YoY) และ 403 ล้านบาท (13% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลประกอบการในไตรมาส 1/65 สูงกว่าที่คาดไว้ โดยได้ปรับสมมติฐานปริมาณขายน้ำมันขึ้นเล็กน้อยมาที่ 1,066 ล้านลิตร (14% YoY) จากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นตามกิจกรรมการเดินทาง นอกจากนี้ คาดค่าการตลาดน้ำมันคาดอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตร จากเดิมคาด 1.30 บาทต่อลิตรสะท้อนแนวโน้มค่าการตลาดที่มีทิศทางดีขึ้น แต่ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังด้วยสมมติฐานต่ำกว่า 1.61 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของบริษัทในไตรมาส 1/65 รวมทั้งปรับค่าใช้จ่ายต่อลิตรอยู่ที่ 1.32 บาทต่อลิตร (สูงกว่าในไตรมาส 1/65 ที่ 1.23 บาทต่อลิตร) ซึ่งคาดส่งผลให้กำไรสุทธิต่อลิตรปรับขึ้นมาอยู่ที่ 0.33 บาทต่อลิตร (จาก 0.25 บาทต่อลิตรในปี 2564)