หุ้นกลุ่มส่งออกอาหารเทรดคึกคัก ลุ้นกำไรเร่งขึ้นใน H2/65 รับบาทอ่อนค่า

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มส่งออกอาหารต่างปรับตัวขึ้น นำโดย TFG-CFRESH-TU-GFPT ที่ราคาปรับขึ้นด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก ได้แรงหนุนจากเงินบาทอ่อนค่า ล่าสุดมาอยู่ที่ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่งแนวโน้มอัตรากำไรมีโอกาสเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังปี 65 อีกทั้งผู้ประกอบการต่างปรับขึ้นราคาสินค้า แม้แต่ราคาหมู-ราคาไก่ได้ปรับขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมเชียร์”ซื้อ”หุ้น CPF, GFPT, TFG และ TU

หุ้นในกลุ่มส่งออกอาหารปิดเทรดเช้าปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้น TFG พุ่ง 5.45% มาอยู่ที่ 5.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 244.10 ล้านบาท
หุ้น CFRESH บวก 3.11% มาอยุ่ที่ 3.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 125.55 ล้านบาท
หุ้น TU บวก 2.30% มาอยู่ที่ 17.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 901.97 ล้านบาท
หุ้น GFPT บวก 1.68% มาอยู่ที่ 18.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 410.88 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) หุ้นกลุ่มส่งออกอาหารได้ปัจจัยหนุนจากเงินบาทที่อ่อนค่าเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯล่าสุดอ่อนค่าเป็น 35.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้แนวโน้มอัตรากำไรของหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในครึ่งหลังปี 65

พร้อมแนะ”สะสม”หุ้นบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป(TU) แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/65 คาดเติบโต QoQ จากการปรับขึ้นราคาสินค้า Own-Branded ขึ้นราว 5-7% และราคาปลาทูน่า ซึ่งเป็นต้นทุนเริ่มลดลง QoQ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PER2565 ระดับ 11.2 เท่า และให้ Dividend Yield 5%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าส่งผลบวกกับหุ้นส่งออกธุรกิจอาหารและเนื้อสัตว์ไปได้ดี เช่น ASIAN, CFRESH, GFPT, TFG, TU พร้อมมอง TU หุ้นรับข่าวลบไปมากแล้ว คาดว่ากำไรไตรมาส 2/65 จะอ่อนลง และกลับมาฟื้นตัวดีในครึ่งหลังปีนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ที่เพียง 12 เท่า ต่ำกว่าเฉลี่ย 5 ปี คาดว่าได้สะท้อนกำไรปีนี้ที่คาดว่าจะปรับลง -17% y-o-y ไปพอควร ขณะที่ฐานปีที่แล้วสูง อีกทั้งจะมีการนำบ.ลูกคือ i-Tail เข้าจดทะเบียน SET ในครึ่งหลังปี 65 ด้วย รวมทั้งคาดว่ากำไรจะกลับมาฟื้นตัวได้ 10% y-o-y ในปี 66 ราคาพื้นฐานเป็น 20.40 บาท (P/E 14.6 เท่า)

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ”ซื้อ”หุ้น CPF, GFPT, TFG โดยเลือก TFG เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ เพราะบริษัทจะได้อานิสงส์อย่างเต็มที่จากราคาหมูในประเทศที่ขยับสูงขึ้น

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหมูในประเทศยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ราคาไก่เพิ่มขึ้น 2.0% เป็น 41.80 บาท/กก. โดยราคาหมูในประเทศจีนและเวียดนามกำลังมีแนวโน้มจะฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งนี้ ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อสเปรดของผู้ผลิต โดยสเปรดของหมูเพิ่มขึ้น 11.3% MoM และของไก่เพิ่มขึ้น 5.3% MoM ในเดือนพฤษภาคม จึงคาดว่าสเปรดของทั้งหมูและไก่ในไตรมาส 2/65 จะดีขึ้น QoQ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนกำไรของผู้ผลิตเนื้อสัตว์

ในขณะเดียวกัน USDA ได้ปรับเพิ่มประมาณการสต็อกสิ้นงวดของข้าวโพด และถั่วเหลืองในปี 2565/66 ไม่ค่อยห่วงราคากากถั่วเหลืองมากนัก แต่ยังเป็นห่วงราคาข้าวโพด เพราะอุปทานจากยูเครนลดลงอย่างมากจากกรณีพิพาทกับรัสเซีย