HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดร่วงแรง 32.56 จุด ตามตลาดต่างประเทศ หลังเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าคาด แสดงให้เห็นยังไม่ผ่านจุดพีค หวั่นเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย จับตาการประชุมเฟด 14-15 มิ.ย.นี้ นักลงทุนจึงขายลดความเสี่ยงก่อน นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,652.61 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 6,170.58 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ยังมีโอกาสปรับตัวลง โดยมีแนวรับ รับ 1,600-1,580 แนวต้าน 1,620 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 13 มิ.ย.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,600.06 จุด ลดลง 32.56 จุด หรือ -1.99% มูลค่าซื้อขาย 73,466.76 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,616.31 จุด ต่ำสุด 1,599.34 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,597.00 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 79.02 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 6,170.58 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,652.61 ล้านบาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ติดลบกัน เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ยังปรับตัวลง หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐออกมาสูงกว่าที่คิด ถึง 8.6% สูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้เห็นว่าเงินเฟ้อ ยังไม่ผ่านจุดพีค ส่งผลให้วิตกธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร่งตัวขึ้น ซึ่งอาจขึ้น 0.50% หรือ 0.75% ก็ได้ จึงต้องจับตาผลการประชุมเฟดที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้
ดังนั้นนักลงทุนจึงเลือกขายลดความเสี่ยงก่อน เพื่อรอดูความชัดเจนจากการประชุมเฟดก่อน เพราะเงินเฟ้อที่สูงเกิดจากตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งราคาน้ำมัน, อาหาร, ต้นทุนค่าแรง สิ่งที่จะทำได้คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยก็ไม่ได้ทำให้ทุกอย่างปรับตัวลงไป
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน แต่มองปัจจัยหลักอยู่ที่การประชุมเฟดเป็นสำคัญ
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 14 มิ.ย.2565 ตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงก่อนผลการประชุมเฟดจะออกมา พร้อมให้แนวรับ 1,600-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
TOP ปิดที่ 53.50 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ -5.73% มูลค่าซื้อขาย 3,132.22 ล้านบาท
PTT ปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -2.67% มูลค่าซื้อขาย 2,573.07 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 108.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ -3.14% มูลค่าซื้อขาย 2,422.23 ล้านบาท
KBANK ปิดที่ 147.00 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -1.67% มูลค่าซื้อขาย 1,873.77 ล้านบาท
OR ปิดที่ 26.00 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -3.70% มูลค่าซื้อขาย 1,753.58 ล้านบาท