ปลุกเก็งกำไรกลุ่มแบงก์ กนง.ส่งซิกขึ้นดบ.เร็วปีนี้

HoonSmart.com>> นักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ใหญ่ ราคาขึ้นยกแผง นำโดย BBL-TTB-KBANK-KTB-SCB รับ Sentiment บวกจากประเมินกนง.มีโอกาสจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในการประชุมที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้

 ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นยกแผง เก็งกำไรกนง. ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า ดันราคาหุ้นแบงก์ใหญ่ มีแรงซื้อเข้ามา ช่วยดันดัชนี SET ปิด 1,641.34 จุด เพิ่มขึ้น 4.45 จุด มูลค่าซื้อขาย 80,431.33 ล้านบาท

ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,118.80 ล้านบาท , กองทุน ซื้อ +865.81 ล้านบาท , พอร์ตเทรดโบรกเกอร์ -611 ล้านบาท และรายย่อยขาย 1,373 ล้านบาท

สำหรับหุ้นแบงก์กสิกรไทย (KBANK) ปิด 149.50 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท มูลค่าซื้อขายอันดับ 1 จำนวน 5,907.56 ล้านบาท

แบงก์กรุงเทพ (BBL) ปิด 134.50 บาท เพิ่มขึ้น 7 บาท มูลค่าซื้อขายอันดับ 2 จำนวน 4,412.35 ล้านบาท

แบงก์ไทยพาณิชย์ (SCB) ปิด 113 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,466.79 ล้านบาท และแบงก์กรุงไทย (KTB) ปิด 15.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,704.70 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ประเมินโอกาสจะเห็น กนง. ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในการประชุมที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ คือ รอบ 10 ส.ค. , 28 ก.ย. และ 30 พ.ย. คาดขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกไตรมาส 3/65 นี้  เป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่

บล.พาย มองหุ้นแบงก์ใหญ่ SCB , BBL, KBANK  จิตวิทยาเชิงบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติ   แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BBL ราคาเป้าหมาย 159.00 บาท  คาดกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/65 ฟื้นตัวต่อเนื่อง กำไรเติบโต YoY และ QoQ จากสำรองหนี้ฯ ลดลง และรายได้การดำเนินงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยหนุนจากการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย

นายธรรมรัตน์ กิตติสิริพัฒน์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)  เชื่อว่า

คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)  ประชุมครั้งถัดไปในเดือนส.ค. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งละ 0.25% ในทุกการประชุมที่เหลือของปี 2565 ซึ่งได้แก่ เดือนส.ค., ก.ย. และพ.ย.  ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายกลับเข้าสู่ระดับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสที่ 1.25% ณ สิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.50%

อย่างไรก็ตาม โอกาสขึ้นดอกเบี้ยมากถึง 3 ครั้งในปีนี้ อาจลดลง ขึ้นอยู่กับเงินเฟ้อ เป็นสำคัญ เช่น หากสงครามยูเครนดีขึ้น จนนำไปสู่การลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นวงกว้าง และ/หรือรัฐบาลเพิ่มการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล อาทิ การปรับลดเพดานราคาน้ำมันดีเซลให้ต่ำกว่า 35 บาทต่อลิตร ซึ่งจะช่วยทำให้การส่งผ่านของต้นทุนลดลงและลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้ต่ำลง เป็นต้น