HoonSmart.com>>หุ้น LHK พุ่ง 15.47% ขานรับผลงานประจำปี สิ้นสุด 31 มี.ค.65 โดยมีกำไรสุทธิพุ่ง 108.8% ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นบรืษัทใหญ่จำนวน 211.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 101.36 ล้านบาท จากยอดขายเพิ่มขึ้นมาก
เมื่อเวลา 10.37 น.หุ้น LHK พุ่ง 15.47% มาอยู่ที่ 5.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.69 บาท มูลค่าซื้อขาย 80.55 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 4.94 บาท ขึ้นสูงสุด 5.50 บาท และต่ำสุด 4.90 บาท
บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล (LHK) เปิดเผยผลประกอบการงวดประจำปี สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในส่วนของผู้ถือหุ้นบรืษัทใหญ่จำนวน 211.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 108.8 โดยยอดขายเพิ่มขึ้นมาก และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบผลประกอบการช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 101.36 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว เนื่องจากมมีการกระจายวัคซีนอย่างทั่วถึง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของโควิด-19 รวมถึง สินค้าสเตนเลสและโลหะอื่น ๆ มีราคาตามตลาดโลกที่สูงขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมาตามสถานการณ์การค้าทั่วโลกที่ผ่อนคลายมากขึ้น จึงทำให้สินค้าประเภทโลหะและอโลหะต่างๆของบริษัทที่จำหน่ายให้กับลูกค้าในช่องทางต่างๆได้รับประโยชน์ในแง่ของยอดขายและกำไรขั้นต้นไปด้วย รวมถึงผู้ผลิตท่อไอเสียรถยนต์ ได้กลับมามียอดจำหน่ายสูงขึ้น และมียอดผลิต ในปริมาณที่สูงเพื่อสนับสนุนการขายและเพื่อชดเชยสินค้าคงเหลือที่ลดลงในปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้อุตสาหกรรมรถยนต์กลับมาฟื้นตัวอย่างมากในไตรมาสล่าสุด โดยเฉพาะยอดการผลิตเพื่อขายในประเทศที่เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว โดยยอดขายจากสินคาท่อไอเสียรถยนต์ที่สูงขึ้นเป็นสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นที่ดี ประกอบกับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มแีนวโน้มดีขึ้นความต้องการสินค้าในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจำนวน 158.54 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายจากภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 37.79 ล้านบาท เนื่องจากการได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทและบริษัทย่อยแห่งหนึ่งจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในโครงการ Solar Roof ในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายทางการเงินระหว่างปีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.47 ล้านบาท ในขณะที่มีส่วนแบ่งกำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 10.45 ล้านบาทในปีปัจจุบัน