HoonSmart.com>>ผลิตไฟฟ้า เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2565 มีกำไรสุทธิกว่า 4,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 603% ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกและราคาเชื้อเพลิงที่ผันผวน ทุ่มลงทุน 30,000 ล้านบาทโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา และโครงการลงทุนใหม่ พร้อมเดินเครื่องเต็มสูบรุกธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจน
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป (EGCO) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 เอ็กโก กรุ๊ป มีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ภาษีเงินได้รอการ ตัดบัญชี การด้อยค่าของสินทรัพย์ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน และการรับรู้รายได้แบบสัญญาเช่า) 4,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,423 ล้านบาท หรือคิดเป็น 116% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,530 ล้านบาท หรือคิดเป็น 603% เมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานดังกล่าวมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า “พาจู อีเอส” ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งสภาพเศรษฐกิจของประเทศเกาหลีใต้เริ่มมีการฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับปี 64 โดยเฉพาะกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 เติบโตสูงโดยมีกำไรมากกว่าทั้งปี 64 เป็นผลมาจากสามารถรับรู้รายได้จากการดำเนินงานแบบเต็มปีของโรงไฟฟ้า ลินเดน โคเจน และการลงทุนใน บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง ในสหรัฐ
สำหรับความเคลื่อนไหวทางธุรกิจที่สำคัญของเอ็กโก กรุ๊ป ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ได้แก่ การลงนามบันทึก ความเข้าใจ (MOU) กับพันธมิตรเพื่อร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาธุรกิจ LNG และขยายโอกาสการใช้ไฮโดรเจนและแอมโมเนียเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ป เล็งเห็นศักยภาพของไฮโดรเจน ที่จะเป็นเชื้อเพลิงหลักในอนาคตและจะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมพลังงานโลกเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ จึงร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญศึกษาการลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากไฮโดรเจนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อก้าวเข้าสู่ ธุรกิจนี้อย่างเป็นรูปธรรมและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 ที่มีรายได้ 12,499.09 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,115.81 ล้านบาท เนื่องด้วยไตรมาสนี้จะมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำน้ำเทิน 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 650 เมกะวัตต์ ปัจจุบันก่อสร้างแล้ว 98.85% รวมถึงโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อ ของ ไทย ไปป์ไลน์ เน็ตเวิร์ค (TPN) เส้นทางสระบุรี-ขอนแก่น ซึ่งมีกำลังการขนส่ง 5,443 ล้านลิตรต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีการก่อสร้างไปแล้ว 99.33%
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ในลักษณะการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาทำดีล M&A อยู่หลายดีล แต่ยังไม่สามารถสรุปความชัดเจนได้เมื่อใด เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง
“ปัจจุบันมีการเจรจาซื้อกิจการหลายดีล แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะสำเร็จหรือปิดดีลได้หรือไม่ เนื่องจากหลายดีลก็มีการแข่งขันสูง แต่เราก็จะพยายามเพื่อปิดดีลให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้” นายเทพรัตน์ กล่าว
บริษัทยังคงงบลงทุนปีนี้ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา ประมาณ 8,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนใหม่ในอนาคตในลักษณะ M&A ราว 22,000 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/65 ใช้เงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาไปแล้ว ประมาณ 5,400 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโครงการ TNP, โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1, โรงไฟฟ้าหยุนหลิน, รวมถึงโครงการนิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ที่มีกำหนดเปิดดำเนินการในปี 66, โรงไฟฟ้าเอ็กโกโคเจน (ส่วนทดแทน) กำลังการผลิตติดตั้ง 100-110 เมกะวัตต์ มีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ปี 67
“ผลประกอบการของเอ็กโก กรุ๊ป ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง เป็นผลมาจากนโยบายของบริษัท ในการสร้างความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอธุรกิจไฟฟ้า และ การกระจายการลงทุนใน 8 ประเทศ ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง รักษาเสถียรภาพ พร้อมสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ดังนั้น ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นจากวิกฤตพลังงานโลก อันเนื่องมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จึงไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัท” นายเทพรัตน์กล่าว