HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดลบ 0.14 จุด ลดพอร์ตลงทุนก่อน หลังมีสุ่มเสี่ยงจากเงินบาทอ่อนค่า อีกทั้งจะมีวันหยุดยาว โดยหุ้น JTS กดดันดัชนีฯมากสุด 4-5 จุด จากวิกฤตคริปโต นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3,366.10 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,292.72 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้าย่อสลับเด้ง โดยมีแนวรับ 1,580-1,560 แนวต้าน 1,600 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 13 พ.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,584.38 จุด ลดลง 0.14 จุด หรือ -0.01% มูลค่าซื้อขาย 75,432.41 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,597.58 จุด ต่ำสุด 1,578.11 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,335.05 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 738.33 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 1,292.72 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 3,366.10 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ในช่วงหนึ่งก่อนเจอแรงขายออกมาบ้าง ซึ่งตลาดค่อย ๆ ย่อตัวลง พอปรับตัวลงไปมากก็มีรีบาวด์บ้างตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่บวก เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้เปิดบวกเฉลี่ย 1% โดยตลาดในกลุ่ม TIP ต่างติดลบกัน ส่วนตลาดในแถบเอเชียเหนือก็จะบวกราว 1-2%
ทั้งนี้ ตลาดฯยังมีความเสี่ยงจากเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้เม็ดเงินทุนมีโอกาสที่จะไหลออก อีกทั้งตลาดฯจะมีวันหยุดระยะยาว ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะลดพอร์ตการลงทุนก่อน ทำให้ภาพตลาดยังผันผวนอยู่ และวันนี้หุ้นที่มีผลต่อตลาดมากสุดเป็นหุ้น JTS ที่กดดันดัชนีฯ 4-5 จุด รับผลกระทบจากวิกฤตคริปโต
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า ตลาดคงจะซึมตัวลงแต่ก็มีจังหวะในการเด้งขึ้นได้บ้าง ในลักษณะย่อสลับเด้ง เนื่องจากตลาดยังไม่ค่อยกล้าสู้ทำให้ทิศทางซึมตัว โดยมีแนวรับ 1,580-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
BDMS ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +3.85% มูลค่าซื้อขาย 3,570.15 ล้านบาท
JMT ปิดที่ 68.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.73% มูลค่าซื้อขาย 2,444.92 ล้านบาท
CPF ปิดที่ 24.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ +4.66% มูลค่าซื้อขาย 1,981.37 ล้านบาท
IVL ปิดที่ 46.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ +5.08% มูลค่าซื้อขาย 1,940.36 ล้านบาท
CRC ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ -3.40% มูลค่าซื้อขาย 1,898.89 ล้านบาท