HoonSmart.com>>PJW จ่อปิดดีล เข้าซื้อหุ้น “แอนท์ โรโบติกส์” ก.ค.นี้ รุกต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจ ด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรอัตโนมัติ ตอกย้ำรายได้ปีนี้โตตามนัด 10-15% ทุกกลุ่มธุรกิจโตต่อเนื่อง ด้านงบรายได้ไตรมาสแรก 916.5 ล้านบาท โต 14.05% ยอดขายบรรจุภัณฑ์ เพิ่มขึ้น 11.2%
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า บริษัท ฯ จะลงนามสัญญาร่วมลงทุน ซื้อหุ้นบริษัท แอนท์ โรโบติกส์ จำกัด (ANT) จำนวน 2 ล้านหุ้น คิดเป็น 55% มูลค่าลงทุน 20 ล้านบาท ภายในเดือนก.ค.นี้ เพื่อสร้างอัตราการเติบโตและผลตอบแทนที่ดีให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้น
หากดีลดังกล่าวแล้วเสร็จจะส่งผลให้ บริษัท แอนท์ โรโบติกส์ เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของ PJW ส่งผลให้มีกลุ่มบริษัทย่อยในเครือรวมทั้งหมด 7 บริษัท
“บริษัท แอนท์ โรโบติกส์ ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ให้บริการรับออกแบบ ผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรอัตโนมัติ สถานีทำงานด้วยหุ่นยนต์ รถลำเลียงอัตโนมัติไร้คนขับ และหุ่นยนต์ช่วยทำงานอื่นๆ ซึ่งมุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม และมีความเชี่ยวชาญด้านงานวิศวกรรม รวมถึงการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้อง”
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างฐานรายได้ ในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสการเติบโตสูง เนื่องจาก ปัจจุบันหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทในการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน
“การเข้าลงทุนใน บริษัท แอนท์ โรโบติกส์ (“ANT”) ครั้งนี้ ถือเป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจของทั้ง 2 บริษัท โดยทีมผู้บริหารของ “ANT” เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ประกอบกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลง ไปสู่ยุค 4.0 ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้มองว่าการมี “ANT”เข้ามาร่วมธุรกิจเป็นการยกระดับการพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบโจทย์เทรนด์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยในช่วงแรก “PJW” จะนำเครื่องจักรอัตโนมัติของ “ANT” มาใช้ในธุรกิจของบริษัทฯก่อน ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุน และเพิ่มการทำกำไรให้บริษัทฯได้
ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 น่าจะได้เห็นการเติบโตที่ชัดเจนของ“ANT” พร้อมทั้งคาดว่าในปี 2567 จะเห็นอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดของ “ANT” อย่างแน่นอน ”
ประธานกรรมการบริหาร กล่าวย้ำ เป้าการเติบโต PJW ปีนี้ เพิ่มขึ้น10-15 % เมื่อเทียบจากปีก่อน จากทุกกลุ่มธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลายทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น บรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยว และชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงรายได้จากอุตสาหกรรมลอนดรี้ (ธุรกิจ ซัก อบ รีด) ที่คาดว่าจะมีการเติบโตมากขึ้น จากภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้ม ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ยอดขายจากกลุ่มโรงแรมฟื้นตัวด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 916.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 112.88 ล้านบาท หรือ 14.05 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิ อยู่ที่ 41.79 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ยอดขายบรรจุภัณฑ์ภาพรวม เพิ่มขึ้น 11.2 % โดยเฉพาะจากบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น และบรรจุภัณฑ์สำหรับนมและนมเปรี้ยว เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง ส่งผลให้การเดินทาง และการบริโภค ในประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำหรับในส่วนของธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ มียอดขายเติบโตขึ้น 7.7 % เป็นผลมาจากงาน New Model เกี่ยวกับการออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ หรือ parts ตัวใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในรถยนต์ ที่เริ่มจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในช่วงต้นไตรมาส จึงทำให้บริษัทฯได้รับอานิสงส์ยอดขายดังกล่าว