PTTGC กำไรวูบเหลือ 4,212 ลบ.Q1/65 ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม ขาดทุนค่าเงินบาทแข็งซ้ำ

HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอล เคมิคอล” เปิดผลงานไตรมาส 1/65 กำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาทหายไป 5,483 ล้านบาท ประมาณ 57%  ปิโตรเคมีขายดี เจอต้นทุนวัตถุดิบสูงตามน้ำมัน  ธุรกิจโรงกลั่นดีขึ้น ขาดทุนค่าเงินบาทแข็งอีก 2,068 ล้านบาท 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 1/2565 มีกำไรสุทธิ 4,212 ล้านบาท เท่ากับ 0.93 บาท ลดลง5,483 ล้านบาทหรือประมาณ 57% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9,695 ล้านบาท หรือ 2.16 บาทต่อหุ้นและเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาส 4/2564

น.ส.ภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 1/2565 บริษัทฯมีรายได้จากการ
ขายรวม 175,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%จากไตรมาส 4/2564 (QoQ)และเพิ่มขึ้น 72%จากไตรมาส 1/2564(YoY) มาจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งอุปสงค์ที่ฟื้นตัวภายหลังหลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และความตึงเครียดทางการเมืองจากสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครน นำไปสู่การที่หลายประเทศคว่ำบาตรการใช้น้ำมันและพลังงานจากรัสเซีย เช่นเดียวกับราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางราคาวัตถุดิบ รวมถึงยังมีปัจจัยสนับสนุนด้านอุปทานที่ตึงตัวจากการหยุดซ่อมบำรุงและการปรับลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตบางรายในภูมิภาค

ขณะที่ปริมาณขายรวมของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น จากบริษัทฯ ได้เริ่มรับรู้ผลประกอบการของบริษัท allnex ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ อยู่ที่ 6,236 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80% QoQ  แต่ลดลง 29% YoY โดยมี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 14,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% QoQ และใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2564 เมื่อรวมสต๊อกน้ำมันและรายการขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับเป็นกำไรรวม 4,884 ล้านบาท ผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 8,568 ล้านบาท โดยเป็นการรับรู้ที่เกิดขึ้นแล้ว (realized) จำนวน 2,573 ล้ านบาท และที่ยังไม่เกิดขึ้น 5,996 ล้านบาท ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน 595 ล้านบาท กำไรจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงิน 1,066 ล้านบาท รวมถึงการที่ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีการทบทวนอายุการให้ประโยชน์ของสินทรัพย์ซึ่ง
ประเมินโดยวิศวกรของกลุ่มบริษัท ทำให้ค่าเสื่อมราคาของสินทรัพย์ไม่เพิ่มขึ้นมากถึงแม้จะรวมผลประกอบการของ allnex เข้ามา

กลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีผลประกอบการทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า โดยราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) เฉลี่ยสูงขึ้น แต่ต้นทุนวัตถุดิบปรับสูงขึ้นตามราคาแนฟทาตามราคาน้ำมันดิบ ทำให้มี Adjusted EBITDA Margin 11% คงที่จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ ลดลง 26% ในไตรมาส 1/2564

กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์มีผลประกอบการลดลง มีส่วนต่างผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ (BTX P2F) อยู่ที่ 48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจากทั้งไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาส 1/2564 สาเหตุหลักเนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์พลอยได้ (By products) โดยเฉพาะแอลพีจีปรับตัวลดลง ประกอบกับราคาวัตถุดิบในส่วนของคอนเดนเสท    พรีเมี่ยมเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนจะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากอุปทานที่ลดลงในตลาดจากการลดกำลังการผลิตของผู้ผลิตหลายรายในภูมิภาค

ผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจ Performance Materials and Chemicals เพิ่มขึ้นจากการเริ่มรับรู้ผลประกอบการของ allnex เข้ามาและธุรกิจฟีนอลที่ยังคงดีต่อเนื่องแม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์บีพีเอจะมีการปรับตัวลดลงจากอุปทานในตลาดที่เพิ่มขึ้น

ธุรกิจโรงกลั่นมีผลประกอบการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง มีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 7.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์หลักเพิ่มขึ้นอย่างมากตามอุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ บริษัทฯมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่รับรู้ 1,150 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 4/2564 เนื่องจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์ที่อ่อนตัวลงในธุรกิจปิโตรเคมี

ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มี.ค. 2565 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 326,153 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2564 จำนวน 1,450 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากกำไรสุทธิไตรมาส 1 จำนวน 4,212 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงในองค์ประกอบอื่นของผู้ถือหุ้นลดลง 6,096 ล้านบาท ประกอบด้วยขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน 3,896 ล้านบาท จากการวัดมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนในบริษัท GPSC และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแปลงค่างบการเงิน 2,068 ล้านบาท เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็นสำคัญ