PTTEP เปิดข้อมูล “ยุโรป -สหรัฐ” ถือหุ้นเพิ่ม

ในปี 2561 หุ้นของบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ.(PTTEP)แกว่งตัวผันผวนสูงมาก ราคาร่วงลงไปต่ำสุดที่ 85 บาทและราคาขึ้นสูงสุด 151.50 บาท สาเหตุใหญ่เกิดจากนักลงทุนต่างชาติทิ้งตลาดหุ้นไทย โดยภาพรวมนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 14 ก.ย.2561 ต่างชาติมียอดขายสุทธิถึง 211,616 ล้านบาท PTTEP จึงหลีกเลี่ยงไม่พ้น เพราะเป็นหุ้นที่มีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากถือหุ้น

อย่างไรก็ตามนักลงทุนกลับมาให้ความสนใจหุ้นปตท.สผ.มากขึ้น เมื่อมีปัจจัยสนับสนุน นักวิเคราะห์แนะนำให้”ซื้อ” มีข่าวดีเรื่องบริษัทฯมีโอกาสชนะการประมูลสัมปทานแหล่งบงกชในช่วงปลายปีนี้ และผลงานไตรมาส 3/2561 จะมีกำไรออกมาดี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 163 บาท จากเดิมคาดไว้ 142 บาท และบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้มูลค่าเหมาะสม 150 บาท/หุ้น ยังไม่รวมสำหรับโครงการบงกชอีก 13.40 บาท

ราคาหุ้น PTTEP ที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะบริษัทปตท.(PTT)ให้ปรับขึ้นตามด้วย ในฐานะถือหุ้นมากที่สุด จำนวน 65.29% โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (10-14 ก.ย.2561)หุ้น PTTEP เพิ่มขึ้นจาก 139 บาท มาปิดที่ระดับ 149.50 บาท บวก 10.50 บาท คิดเป็น 7.55%

ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่น ก็ได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นเดียวกัน ปตท.สผ.นอกจากมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 6 อันดับแรกแล้ว ยังมีการให้ข้อมูลภาพรวมเรื่องสัญชาติของผู้ถือหุ้นด้วย 10 อันดับแรก ถือหุ้นมากที่สุดโดยคนไทย จำนวน 3,406 ล้านหุ้น จากจำนวนนักลงทุน 34,344 ราย อันดับที่สองเป็นสหราชอาณาจักร(BRITISH)จำนวน 397 ล้านหุ้น นักลงทุน 114 ราย อันดับที่สาม สหรัฐอเมริกา 69 ล้านหุ้น จำนวน 56 ราย อันดับที่สี่ สิงคโปร์ 47 ล้านหุ้น 87 ราย อันดับที่ห้า ฮ่องกง 20 ล้านหุ้น 25 ราย

อันดับที่หก สวิส 10 ล้านหุ้น 14 ราย อันดับที่เจ็ด ฝรั่งเศส 7 ล้านหุ้น 18 ราย อันดับที่แปด แคนนาเดียน 4 ล้านหุ้น 4 ราย อันดับที่เก้าเยอรมัน 2 ล้านหุ้น 5 ราย และอันดับที่สิบ ลักเซมเบิร์ก 1 ล้านหุ้น 8 ราย

ทั้งนี้หากเปรียบเทียบรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ปตท.สผ.จากการเปิดสมุดทะเบียนครั้งล่าสุด วันที่ 9 ส.ค.2561 กับวันที่ 9 ก.พ.2561 และวันที่ 11 ส.ค. 2560 พบว่า ในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างปตท. และสำนักงานประกันสังคมจำนวนหุ้นไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ อันดับสามเหมือนเดิม แต่จำนวนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 6.53% เป็น 7.98% และ 8.72% ล่าสุด

ทางฝั่งนักลงทุนต่างชาติ ในปี 2561 พบว่านักลงทุนจากสหรัฐมีการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากจำนวน 54 ล้านหุ้น กระโดดขึ้นมาเป็น 69 ล้านหุ้น ส่วนกลุ่มสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวน 334 ล้านหุ้น ในปีที่ผ่านมา เพิ่มเป็น 374 ล้านหุ้นและ 397 ล้านหุ้นครั้งล่าสุด

แต่เป็นที่น่าสังเกตุในกลุ่มเอเชีย นักลงทุนสิงคโปร์เคยถือมากเป็นอันดับที่สาม ถึง 69 ล้านหุ้นในวันที่ 11 ส.ค. 2560 ล่าสุดลดลงเหลือ 47 ล้านหุ้น ส่วนนักลงทุนฮ่องกงก็ลดลง จาก 22 ล้านหุ้นเหลือ 20 ล้านหุ้น

ขณะเดียวกันนักลงทุน ลักเซมเบิร์ก ช่วงต้นปี 2561 ถือหุ้นอยู่ 7 ล้านหุ้น เดือนส.ค.ลดลงเหลือเพียง 1 ล้านหุ้น และเยอรมัน ช่วงต้นปีไม่พบว่าติดอันดับ 10 สัญชาติแรก จากในวันที่ 9 ส.ค. มีนักลงทุน 5 รายถือหุ้นจำนวน 2 ล้านหุ้น

ส่วนสวิส รักษาระดับการถือหุ้นบริเวณ 10 ล้านหุ้นในปีนี้ ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มีอยู่จำนวน 5 ล้านหุ้น

การเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของ PTTEP ทั้งที่เป็นรายชื่อ และสัญชาติ ส่วนหนึ่งเกิดจากการซื้อขายจริงของนักลงทุนต่างชาติ แต่อีกเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากการเปลี่ยนตัวแทนหรือนอมินีในการปิดสมุดทะเบียนการถือหุ้นก็เป็นไปได้

ยกตัวอย่าง ในปี 2560 มีรายชื่อ THE BANK OF NEW YORK MELLON สัญชาติอเมริกัน เป็นผู้ถือหุ้นอันดับที่เจ็ดจำนวน 24 ล้านหุ้นสัดส่วน 0.61% ในช่วงต้นปี 2561 ถืออันดับที่แปดจำนวน 22 ล้านหุ้นหรือ 0.57% ขณะที่มีรายชื่อ THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED จากสหภาพยุโรป โผล่ขึ้นมาถือหุ้นอันดับที่ห้าจำนวน 44 ล้านหุ้น 1.11% และล่าสุดถือจำนวน 48 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.23%

ดังนัั้นนักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกกับแรงขายของต่างชาติกว่า 2 แสนล้านบาทในปีนี้ เมื่อเห็นโครงสร้างการถือหุ้นใหญ่ของ PTTEP แล้ว พบว่า สถาบันต่างชาติขายแล้ว ยังหวนกลับเข้ามาลงทุนใหม่ นักลงทุนควรจะหาจังหวะราคาย่อลงมาเก็บสะสมหุ้นดีๆไว้บ้าง เชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน!!!