HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 0.63 จุด บรรยากาศลงทุนเป็นลบหลังตลาดสหรัฐฯร่วงแรงจากแรงกดดันเศรษฐกิจโตชะลอ จากสถานการณ์ยูเครน-จีนกลับมาล็อกดาวน์ บางส่วนอีกครั้ง ขณะที่เงินเฟ้อสูงส่งเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย-จะเริ่มลดงบดุล ส่งตลาดปรับฐานต่อ-มีโอกาสที่ดัชนีฯลงต่ำกว่าโซน 1,650-1,660 ถ้าหลุด 1,650 จุด จะเป็นสัญญาณขาย
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 27 เม.ย.2565 ณ เวลา 10.09 น. อยู่ที่ระดับ 1,668.34 จุด ลดลง 0.63 จุด หรือ -0.04% มูลค่าซื้อขาย 10,007.27 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน SET Index จะปรับตัวลงทดสอบแนวรับหลัก 1,655-1,660 จุดและมีโอกาสเสี่ยงหลุดระดับดังกล่าวจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับร่วงแรง ปัจจัยกดดันยังคงมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจเติบโตชะลอตัวลงจากทั้งปัญหาจากสงคราม จีนที่เริ่มกลับมาล็อกดาวน์บางส่วนอีกครั้ง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่ากรอบเป้าหมายมาก ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มลดงบดุลในการประชุมเดือนหน้า ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและเข้าถือดอลลาร์ กดดันหุ้นกลุ่ม Tech และ Growth ที่มี PER สูง
ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออกโดยเฉพาะอาหารเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่ม Defensive อย่างการแพทย์คาดยังแข็งแก่รงกว่าตลาด โดยรวมภาพตลาดสอดคล้องกับที่ประเมินว่า SET Index จะพักตัวในเดือน เม.ย.-พ.ค. แต่มองเป็นจังหวะ “สะสมหุ้นพื้นฐาน” บริเวณ 1,600-1,650 จุด โดยยังคงมุมมองบวกในระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นขาขึ้นโดยเฉพาะแนวโน้มเปิดประเทศเต็มรูปแบบในครึ่งหลังปี 65 ทำให้กระแสเงินทุนคาดยังอยู่ในทิศทางไหลเข้า ยังคงเน้นกลุ่ม Value Domestic และ Reopening Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเทียบกับในอดีตก่อนโควิด-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร โรงกลั่น ค้าปลีก อสังหาฯ อาหารและเครื่องดื่ม การแพทย์ เป็นต้น ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 1/65 แข็งแกร่ง
บล.เคทีบีเอสที มองดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวลง จากสถานการณ์ยูเครน และเศรษฐกิจโลก ยังเป็นตัวถ่วงตลาด โดยปัจจัยลบภายนอก ทั้งสถานการณ์ยูเครน-โควิดในจีน-ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ย ต่างกดดันตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ในตลาดโลกเกิดการเทขายสินทรัพย์ต่างๆ และกลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ตลาดยังปรับฐานต่อ มีโอกาสที่ดัชนีฯ จะลงไปต่ำกว่าโซน 1650-60 จุด
สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ภาพรวมดูแย่ลง ประเทศต่าง ๆ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น อาทิ สหรัฐฯ ยังมีการส่งอาวุธให้ยูเครน ซึ่งอาจจะทำให้การเจรจาเกิดยากขึ้น และกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ จากปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้เฟดตัดสินใจยากขึ้นในการในการปรับนโยบายการเงินให้สอดคล้องภาวะตลาด
ด้านกลยุทธ์มองดัชนีฯ มีโอกาสไหลลงต่อ ถ้าหลุด 1650 จุด จะเป็นสัญญาณขาย ทำให้แนะนำให้นักลงทุนลดการถือหุ้นลง และเพิ่มเงินสดในมือ เพื่อรอซื้อหุ้นเมื่อการปรับฐานสิ้นสุดลง หรือเลือกลงทุนแบบเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในหุ้นที่มีข่าวบวก
ทั้งนี้ ความกังวลทางเศรษฐกิจโลกจะกระทบต่อหุ้นที่อิงเศรษฐกิจ ควรระวังการลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร และมีโอกาสมากขึ้น ที่นักลงทุนต่างประเทศ อาจพลิกกลับมาขายหุ้น จึงควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง หุ้นที่นักลงทุนกลุ่ม เคยซื้อมาก่อนหน้านี้ออกไป
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
SCB อยู่ที่ 120.00 บาท เพิ่มขึ้น 49.00 บาท หรือ +69.01% มูลค่าซื้อขาย 1,492.68 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 152.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.33% มูลค่าซื้อขาย 633.76 ล้านบาท
FORTH อยู่ที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ +2.42% มูลค่าซื้อขาย 405.76 ล้านบาท
BBL อยู่ที่ 131.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 285.03 ล้านบาท
IVL อยู่ที่ 43.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -3.33% มูลค่าซื้อขาย 273.01 ล้านบาท