“คิงส์ฟอร์ด” วางแนวรับดัชนี 1,680 จุด เก็งกำไรกลุ่มเปิดเมือง

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มดัชนีหุ้นผันผวนหลังดัชนีหุ้นสหรัฐร่วงแรง วางแนวรับ 1,680 จุด ระยะสั้นแนะเก็งกำไรกลุ่มได้ประโยชน์เปิดเมือง ส่วนหุ้นแนะนำวันนี้ ICHI คาดแนวโน้มกำไร 1Q65 ฟื้นตัว ด้านหุ้น WHA คาดการเจรจาลูกค้าต่างชาติหนุนยอดขาย ประเมินการดำเนินงานในปีนี้ฟื้นตัวดี

บริทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ผันผวนจากดัชนีหุ้นสหรัฐปรับลดลง โดยวาง Filter แนวรับที่ 1,680 หากยืนได้ ถือพอร์ตต่อ โดยมีแนวต้าน 1,700 ระยะสั้นเก็งกำไรกลุ่มได้ประโยชน์เปิดประเทศ เช่น CPALL, AOT, MINT, ERW, BH, BDMS, MAJOR, M, SPA

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ ICHI* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.80 บาท) แนวโน้มกำไร 1Q65 ฟื้นตัว QoQ, YoY จากยอดขายในประเทศเป็นหลัก โดยมีปัจจัยหนุนจากรัฐผ่อนคลายการควบคุม COVID-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นยังคงถูกกดดันจากต้นทุน Packaging ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ SG&A/Sale ปรับลดลง และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่อินโดฯ เพิ่มขึ้น

ส่วน 2Q65 เติบโตต่อเนื่องจาก High Season ของธุรกิจ และภาพรวมทั้งปี 65 บริษัทวางเป้าหมายรายได้เติบโต +24%YoY ที่ 6.5 พันล้านบาท โดยใน 2H65 จะมีสินค้าใหม่เครื่องดื่มผสมสารกัญชง (CBD) และเครื่องดื่มอัดก๊าซ (CSD) ส่วนธุรกิจ OEM จ่อเซ็นสัญญากับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม 2 ราย จากปัจจุบันมีลูกค้าหลักอยู่ 2 ราย คือ บริษัท ไทยโคโคนัท และ คิง พาวเวอร์ หนุนให้ U-Rate สูงขึ้น ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด

หุ้น WHA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.06 บาท) ประเมินการดำเนินงานในปีนี้ฟื้นตัวดี คาดว่าการเจรจากับลูกค้าต่างชาติในแง่ของการขายที่สามารถกลับมาดำเนินได้ต่อเนื่องโดยบ.ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ดินปี65 ไว้ที่ 1,250 ไร่ (เพิ่มจากปี64 ที่ 891 ไร่) ขณะที่ในช่วงไตรมาสที่1 ที่ผ่านมาคาดว่าจะมีแรงหนุนจากการบันทึกกำไรพิเศษจากการจำหน่ายดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่ง (มูลค่ารวมราว 500 ล้านบาท) โดยบริษัทยังคงงบการลงทุน ไว้ที่ราว 50,000 ล้านบาท (ธุรกิจโลจิสติกส์ 18,000 ล้านบาท ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 18,000 ล้านบาท

ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน 10,000 ล้านบาท และ การลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ธุรกิจสตาร์ทอัพและเทคโนโลยี 4,000 ล้านบาท) ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 จะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.17 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.22 บาท/หุ้น, และ 0.25 บาท/หุ้น ตามลำดับ