HoonSmart.com>>”ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์” พร้อมจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 94 ล้านหุ้น วันที่ 25-28 เม.ย. คาดเข้าเทรดเอ็มเอไอ 5 พ.ค.นี้ ระดมเงินกว่า 539 ล้านบาท ขยายโรงงาน สนับสนุนงานวิจัยต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ และชำระหนี้แบงก์ นักวิเคราะห์ให้ราคาเป้าหมายในช่วง 7-10 บาท
บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 6 บาท/หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท พร้อมเสนอขายจำนวน 94 ล้านหุ้นในช่วงวันที่ 25-28 เม.ย. 2565 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงต้นเดือนพ.ค. 2565
บริษัทฯมีบล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้รับประกันการจัดจำหน่าย ได้แก่ บล.เมย์แบงก์ฯ บล.กรุงศรี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.เคทีบีเอสที และบล.ทรีนีตี้
วัตถุประสงค์ในการระดมทุนประมาณ 539 ล้านบาท บริษัทจะนำไปใช้ขยายโรงงานการผลิตสินค้าและการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร ราว 80-105 ล้านบาท ภายในปี 2565 รองรับการเป็นเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ และต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ 50-60 ล้านบาท ภายในปี 2567 ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน 150-200 ล้านบาท ภายในปี 2565 และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายของ BIS กล่าวว่า ราคาเสนอขายที่ 6 บาท/หุ้น มี P/E อยู่ที่ 19 เท่า เให้ส่วนลดนักลงทุนราว 15-30% จากราคาประเมินโดยนักวิเคราะห์ในช่วง 7-10 บาท
คาดว่าหุ้น BIS จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสูง เพราะบริษัทมีโอกาสเติบโตสูง ธุรกิจด้านไบโอเท็คเป็น 1 ในอุตสาหกรรม New S-Curve ของรัฐบาล อีกทั้ง BIS มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจจำนวนมากทั้งบริษัทระดับนานาชาติและบริษัทไทย
นอกจากนี้การอยู่ในอุตสาหกรรมด้าน ยา วัคซีน และ เวชภัณฑ์สัตว์ ซึ่งเปรียบเสมือน จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีความสำคัญและมีมูลค่าสูง จึงมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปกับอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารสูงติดอันดับโลก เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในครัวของโลก จากการที่กระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่ามูลค่าการส่งออกอาหารจะมีมูลค่า 1.2 ล้านล้านบาทในปี 2565 โดย BIS ยังให้ความสำคัญงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำของไทย และได้ร่วมคิดค้นและพัฒนาชุดเครื่องตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) และชุดตรวจโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่สามารถต่อยอดการใช้งานและการเติบโตต่อไปได้ในอนาคต
นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BIS เปิดเผยว่า บริษัทเป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของคนไทยรายแรกที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทเป็น 1 ในผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยา วัคซีน และเวชภัณฑ์สัตว์ของไทย ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากบริษัทผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติจำนวนมากอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี และมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 และโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมปศุสัตว์โดยตรง
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 BIS มีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 54 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,784 ล้านบาท โดย BIS มีจุดเด่น เช่น การเป็นผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายวัคซีน ยา เวชภัณฑ์ โดยนำเข้าจากผู้จัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลก เป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์หลากหลายแบรนด์ และมีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตนเองที่ได้มาตรฐานสากล
บริษัทยังสร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถแก้ปัญหาด้านสุขอนามัยของโลก เช่น การพัฒนาชุดตรวจโควิด-19 แบบ Real Time PCR (RT-PCR) ร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้าในการวิจัยและพัฒนาชุดตรวจดังกล่าว โดยเป็นบริษัทรายแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากองค์กรอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข อีกทั้งบริษัทยังเป็นผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายชุดตรวจโรคอหิวาต์แอฟริกันในสุกร (ASF) ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างสูง มียอดขายเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และบริษัทยังมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ