หุ้นเอเชียร่วง จีนเจอ 2 เด้ง ไทยซึม ผวาเงินเฟ้อโลกพุ่ง

HoonSmart.com>>หุ้นโลกขาลง เจออัตราเงินเฟ้อเร่งขึ้น จีนนำประกาศตัวเลขเดือนมี.ค.สูงเกินคาด ผสมตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเซี่ยงไฮ้ นิวไฮผวาล็อกดาวน์ประเทศ กดดันหุ้นเอเชีย นำโดยฮ่องกงดิ่งเกิน 3% จีนกว่า 2.6% ไทยติดลบ 7 จุด โบรกแนะชะลอลงทุน หยุดยาวสงกรานต์ ลุ้นสหรัฐเปิดเงินเฟ้อผวาเฟดใช้ยาแรง บล.ทรีนีตี้แนะหุ้นขนาดกลาง-เล็กน่าสน หุ้นใหญ่ 3 กลุ่มเป็นหลุมหลาบภัย กลุ่มการแพทย์ กลุ่มค้าปลีกและ AMC  

วันที่ 11 เม.ย. 2565 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดเอเชียและยุโรป  ดาวโจนส์ล่วงหน้า ดัชนีปิดที่ระดับ 1,678.46 จุด -7.54 จุดหรือ -0.45% มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 62,755.06 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างชาติ และสถาบันไทย ขายทำกำไรเกือบ 400 ล้านบาท พอร์ตบล.ทิ้ง -810.34 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 1,581 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นเอเชีย โดยฮ่องกงร่วงลงแรงสุด 3% ตามด้วยดัชนีเซี่ยงไฮ้ ลดลง 2.6% หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในเซี่ยงไฮ้ทำสถิติสูงสุด นักลงทุนกังวลจะเกิดการล็อกดาวน์ทั่วประเทศกระทบเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก รวมถึงจีนประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมี.ค. ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ สหรัฐจะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อในคืนวันที่ 12 เม.ย. ซึ่งตลาดคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ตามราคาน้ำมันและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นกดดันธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มข้นขึ้น และตลาดหุ้นไทยจะปิดทำการซื้อขายในวันที่ 13-15 เม.ย.นี้ นักลงทุนจึงชะลอการลงทุน

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นจีนปรับฐานเกือบ 3% หลังรายงานเงินเฟ้อ มี.ค. พบว่าฝั่งผู้ผลิต (PPI) ขยายตัวถึง 8.3% y-y มากกว่าตลาดคาดที่ 7.9% y-yและฝั่งผู้บริโภค (CPI) ขยายตัว 1.5% y-y สูงกว่าตลาดคาด 1.2% y ส่วนต่างของเงินเฟ้อทั้งสอง สะท้อนว่าผู้ผลิตกำลังเผชิญภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น กดดันอัตราการทำกำไร นอกจากนี้ภาพเงินเฟ้อเร่งตัวจะกดดันการผ่อนคลายนโยบายของ PBoC

บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่า เรื่องที่มีน้ำหนักต่อตลาดส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงรอความชัดเจนและการประกาศตัวเลขชี้นำต่างๆ Geopolitical Risk ยังมีความขัดแย้งมาตรการคว่ำบาตรประเทศต่างๆ ก่อนการประชุม G7 หารือมาตรการคว่ำบาตรเพิ่ม 20 เม.ย. นี้

ด้านน้ำมันยังยืนสูง 100 เหรียญ +/- ทั่วโลกจึงมีความเสี่ยงเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่ โนมูระ ประเมินในประเทศ จะสร้างความเสี่ยงต่อกำลังซื้อประชาชนระดับล่างที่เงินออมน้อยมากสุด

สัปดาห์นี้ประเทศหลักๆโลกจะรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ เป็นตัวชี้นำ คาดส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงยังออกไปในทางผันผวน ขณะที่ในประเทศมี่ประเด็นบวกต่อท่องเที่ยวความหวังของไทย จากการอนุมัติหลักการยกเลิกตรวจ RT PCR แต่จะมีผลวันที่  1 พ.ค. หรือไม่ ขึ้นกับสถานการณ์โควิด หลังหยุดยาวสงกรานต์ ซึ่งดูไม่น่าวางใจนัก

บล.ทรีนีตี้ชูกลยุทธ์ยังคงแนะนำชะลอการลงทุน ตลาดเข้าสู่ช่วงหยุดทำการยาว เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และจะต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะออกมาในคืนวันที่ 12 เม.ย.ล่าสุดตลาดคาดเร่งตัวต่อเนื่องที่ระดับ 1.2% MoM/ 8.4% YoY ซึ่งจะมีผลต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อ ส่วน Fed Funds futures นักลงทุนคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้อีก 2.0-2.25% กับ 6 ครั้งในการประชุมที่เหลือ รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ และบอนด์ยีลด์สหรัฐ

ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการประชุมในวันที่ 14 เม.ย.อาจต้องให้น้ำหนักการแก้ไขเงินเฟ้อมากขึ้น หลังทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งจะกดดันต่อการขยายตัวเศรษฐกิจ ทั้งนี้จากการประชุม ECB ทั้งสองครั้งจะทยอยลดการสินทรัพย์ลงตั้งแต่เดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไปและอาจยุติโครงการ APP ภายในไตรมาสที่ 3 นี้

อย่างไรก็ตามหากนักลงทุนต้องการถือครอง มองหุ้นเติบโตขนาดกลาง-เล็กน่าจะยังมีความปลอดภัยมากกว่า ส่วนกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่มองเป็นหลุมหลบภัยในช่วงนี้ ยังคงได้แก่กลุ่มการแพทย์ เลือก BDMS, BCH, CHG, IMH กลุ่ม Consumer staple เลือก CPALL, MAKRO, BJC และกลุ่ม AMC เลือก JMT, CHAYO, BAM