HoonSmart.com>>บลจ.กสิกรไทย เสิร์ฟ “กองทุนเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1YT ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย” (KFF1YT-BR) เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีเงินลงทุนสูง มองเป็นจังหวะเข้าลงทุนในระยะสั้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตการลงทุนผ่านตราสารหนี้คุณภาพดี เปิดเสนอขายครั้งแรก 12 – 25 เม.ย.นี้
นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1YT ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (KFF1YT-BR) ประมาณการผลตอบแทน 0.70% ต่อปี โดยเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ซึ่งจะเปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 12 – 25 เม.ย.2565
นายนาวินกล่าวต่อไปว่า KFF1YT-BR เป็นกองทุน Term Fund ที่มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี มีนโยบายการลงทุนแบบกระจุกตัว และมีความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงเหมาะกับผู้ที่มีเงินลงทุนสูง โดยผู้ลงทุนต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับทรัพย์สินที่กองทุนเข้าไปลงทุน และสามารถยอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้ อย่างไรก็ดี ตราสารที่กองทุนเข้าไปลงทุนล้วนเป็นตราสารที่มีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) ซึ่งมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่าเงินลงทุนจะได้รับการบริหารจัดการอย่างดีจากผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญ ควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ คาดว่ากองทุน KFF1YT-BR จะเข้าลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Agricultural Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน) และเงินฝาก Commercial Bank of Qatar, เงินฝาก Qatar National Bank, เงินฝาก Doha Bank (ประเทศกาตาร์) รวมถึงตราสารหนี้ Sabah Development Bank Berhad (ประเทศมาเลเซีย) โดยกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
“สถานการณ์ตลาดในจีนดูผ่อนคลายลงหลังจากที่รัฐบาลจีนได้ออกมาแสดงท่าทีที่เป็นมิตรต่อตลาดมากขึ้น ทั้งการส่งสัญญาณที่อาจลดความเข้มงวดในการควบคุมกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี รวมถึงการจัดการกับสถานการณ์โควิด-19 ที่มีความยืดหยุ่นขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน และพร้อมที่จะสนับสนุนการเติบโตของ GDP ให้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5.5% ในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ความผันผวนในระยะสั้นต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีสูง ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง รวมถึงดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่อยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ในภาวะที่ตลาดยังมีความไม่แน่นอนเช่นนี้ การลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีผ่านกองทุน Term Fund จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุน” นายนาวินกล่าว
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ถือเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำของไทยที่บริหารกองทุนตราสารหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถคว้ารางวัลระดับแชมป์จากสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ รางวัล Top Investment Houses in Asian Local Currency Bond จาก The Asset Benchmark Research Awards 2021 (แชมป์ 8 ปีซ้อน), รางวัล Most Prominent Fund House in Corporate Bond Market จาก ThaiBMA Best Bond Awards 2021 (แชมป์ 5 ปีซ้อน) และล่าสุดสามารถคว้ารางวัล Best Fund House – Domestic Fixed Income (KAsset) จาก Morningstar Fund Awards 2022 มาครองได้สำเร็จ นับเป็นการการันตีฝีมือการบริหารจัดการกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทยได้เป็นอย่างดี
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุน Term Fund เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนในระยะเวลาลงทุนที่แน่นอน อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวน โดยผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท ผ่าน K PLUS, K-My Funds และธนาคารกสิกรไทย
ทั้งนี้ เมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888