HoonSmart.com>> “ไอร่า แคปปิตอล” เซ็นสัญญา “ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย)” พันธมิตรธุรกิจ เข้าซื้อหุ้นบลจ.ไอร่า สัดส่วน 10% ลุยธุรกิจ Wealth Management และ Private Fund ช่วยเสริมศักยภาพและขยายพอร์ตลูกค้าทั้งในประเทศไทยและญี่ปุ่น
นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) เปิดเผยว่า ในวันที่ 4 เม.ย.2565 บริษัท ไอร่า แคปปิตอล ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอร่า จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นใหญ่ 99.99% ขายหุ้นให้กับบริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย) หรือ SMTBT ในสัดส่วน 10% ของทุนจดทะเบียน
สำหรับ ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (SMTB) ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจและให้บริการทั่วโลก สนใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ AIRA Group เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพและความมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง จากการระบาดของ COVID-19 แต่กลุ่มไอร่า ก็ยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี
“เราภูมิใจมากที่ ซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย) ได้ตัดสินใจเข้าร่วมลงทุนในบลจ.ไอร่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของกลุ่มไอร่าในการดึงดูดพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านชื่อเสียงและความสามารถในการสร้างผลตอบแทน” นางนลินี กล่าว
การร่วมลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นผลดีต่อ บลจ.ไอร่า จำกัด ในการให้บริการลูกค้าในด้าน Wealth Management และ Private Fund ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจจัดการกองทุนส่วนบุคคล และได้รับอนุญาตเป็นตัวแทนขายกองทุนรวมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อีกทั้งความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างกลุ่มไอร่า และซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ ยังเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของ AIRA กับพันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการตอกย้ำศักยภาพอันแข็งแกร่งของกลุ่มไอร่าในฐานะผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจการเงินในรูปแบบ Non-Bank ครบวงจรภายใต้บริการแบบ One stop service
ปัจจุบันซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ มีมูลค่าตลาดรวม 1.5 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 410,000 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 60 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 16.2 ล้านล้านบาท และซูมิโตโม มิตซุย ทรัสต์ แบงก์ (ไทย) เป็นธนาคารพาณิชย์ ในกลุ่ม SMTB ที่ตั้งในประเทศไทยโดย ได้รับใบอนุญาตและเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2558 ปัจจุบันมีสินทรัพย์ 85,000 ล้านบาท มูลค่าสินทรัพย์สุทธิในปี 2564 เป็นจำนวน 20,000 ล้านบาท