HoonSmart.com>> “บล.พาย” มองแนวโน้มตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ จับตาประชุมกนง. 30 มี.ค. ส่งสัญญาณเศรษฐกิจ เชิงกลยุทธ์แนะนำลดพอร์การลงทุน เก็งกำไรระยะสั้นกลุ่มทองเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MIINT, SPA กลุ่มส่งออก HANA, KCE, TU
บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย (Pi) มองว่า สัปดาห์นี้ตลาดจะจับตาไปยังการประชุม กนง. ในวันที่ 30 มี.ค. เพื่อดูสัญญาณของเศรษฐกิจโดยเฉพาะการปรับลดประมาณการ GDP โดยประมาณการล่าสุดคาด GDP ปี 65 จะขยายตัวได้ 3.4% YoY
อย่างไรก็ตามกับประชุมครั้งที่จะถึงเชื่อว่าจะเห็นการปรับลดประมาณการ GDP สะท้อนราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นมา อาทิ น้ำมัน แก๊ส กดดันการบริโภคในประเทศให้ทรุดตัวหนักกว่าประมาณการเดิมของ กนง. ซึ่งล่าสุดหลายสำนักเริ่มปรับลด GDP ลงมาเหลืออยู่ในช่วงเพียง 2% +/- จากประมาณการเดิมคาดกันราว 3-4%
ขณะเดียวกันต้องติดตามประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า กนง. จะปรับลดหรือไม่หลังเกิดการระบาดของ Omicron ครั้งล่าสุดคาดไว้ที่ 5.6 ล้านคน โดยเชื่อว่าที่ประชุม กนง. จะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเนื่องจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวมาจากต้นทุนพลังงานเป็นหลักมิใช่เงินเฟ้อที่มาจากอุปสงค์เร่งตัว ดังนั้นการขึ้นดอกเบี้ยมิใช่ทางแก้ปัญหาเงินเฟ้อ สอดคล้องกับ Bloomberg คาด ที่ประชุมจะคงดอกเบี้ยเช่นกัน โดยเป็นการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 15 ท่าน (ทุกท่านเห็นตรงกัน) สำหรับอุตสาหกรรมมองเป็นลบต่อค้าปลีก และ ธนาคาร
ถัดมาจะเป็นประชุม OPEC+ ในวันที่ 31 มี.ค. ตลาดคาดที่ประชุมจะเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามา 4 แสนบาร์เรล / วัน หากเพิ่มเข้ามาตามนี้ก็ไม่น่ามีผลอะไรมากต่อราคาน้ำมัน ปัจจัยสุดท้ายตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ (1) การจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในวันพุธ Bloomberg คาด 4.5 แสนตำแหน่ง (2) การจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ Bloomberg คาดที่ 4.85 แสนตำแหน่ง พร้อมอัตราการว่างงานที่ 3.7% เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่มิร้อนแรงเพื่อให้ FED ไม่เพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงิน
ดังนั้นปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นยังมิเห็นปัจจัยบวกที่โดดเด่นประกอบกับสถานการณ์ยูเครน – รัสเซีย ยังคงรุนแรงต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุด ณ วันเสาร์ยังคงเกิดการโจมตียูเครนต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นต่อเนื่องทำ New High ในรอบ 3 ปี ซึ่งอดีตที่ผ่านมามักจะส่งผลให้ Bond Yield ไทยปรับตัวขึ้นเช่นกันมองเป็นลบต่อการ Valuation ผ่าน Earnings Yield Gap ที่จะแคบลง
บล.พาย ประเมินสิ้นสัปดาห์นี้มีโอกาสที่ SET จะปิดต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนคาดกรอบการเคลื่อนไหว 1655 – 1685 เชิงกลยุทธ์การลงทุนเน้นลดพอร์ตเช่นเดิมจากความกังวลปรับลดประมาณการและระดับ Valuation ที่แพง ส่วนเก็งกำไรระยะสั้นเลือกกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MIINT, SPA) ปัจจัยบวกมาตรการเข้าประเทศไทยที่ง่ายมากขึ้นและเริ่มดำเนินการ 1 เม.ย. กลุ่มส่งออก (HANA, KCE, TU)
CENTEL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 43 บาท) คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวดีขึ้น และกลับมามีกำไรในปี 23 สนับสนุนจากการฟื้นตัวของมัลดีฟส์ และการเปิดโรงแรมใหม่ที่ดูไบ รวมไปถึงแผนการเปิดโรงแรมใหม่ที่จะเน้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหลัก อีกทั้งการคลายล็อคดาวน์ที่จะสนับสนุนผลประกอบการทั้งธุรกิจอาหารและโรงแรมในไทย
KKP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 79 บาท) เริ่มต้นบทวิเคราะห์ KKP ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” KKP เป็นหุ้นเติบโตดี และเงินปันผลสูง คาดกำไรสุทธิงวด 1Q22 ที่ 1.8 พันล้านบาท เติบโต 23% YoY (-12% QoQ) การเติบโตหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสูงขึ้น และระดับสำรองหนี้ลดลงคาดกำไรสุทธิปี 2022-23 จะขยายตัวต่อเนื่อง 11-12% YoY หนุนจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และสำรองหนี้ลดลง