HoonSmart.com>> “ซีอีโอ” จิตตะ เวลธ์ เปิด “ตำราพิชัยลงทุนให้ชนะสงคราม” อย่าเสียโอกาสลงทุน ชี้สงครามแต่ละครั้งมีจุดเริ่มต้นและจุดจบอยู่เสมอ กางสถิติ “ผลตอบแทน” จากการลงทุนเริ่มต้นสงครามสูงกว่าลงทุนช่วงสงครามสิ้นสุด ย้ำมีสติและยึดมั่นในหลักการลงทุนที่ชัดเจน ปรับพอร์ตอย่างมีวินัย พร้อมคัดสรร 7 ธีมชั้นยอด เปิดโอกาสเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยง สร้างพอร์ตแกร่ง รอดทุกวิกฤต
นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด สตาร์ทอัปรายแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ให้บริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เปิดเผยในไลฟ์ ‘ตำราพิชัยลงทุนให้ชนะสงคราม’ เคล็ดลับวิชารับมือกับตลาดหุ้น ในช่วงวิกฤตจากทุกสารทิศ ผ่านเฟสบุ๊ก Jitta Wealth เมื่อเร็วๆ นี้ว่า มี.ค.2565 ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับ ‘สงคราม’ ส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนขาลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ของปี ท่ามกลางปัจจัยลบที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น COVID-19 ที่ยังคงอยู่ ภาวะเงินเฟ้อเร่งตัว และเทรนด์การขึ้นดอกเบี้ยทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนมีความไม่มั่นใจกับการลงทุน และหลายครั้งที่จะต้องตัดขาดทุน หรือหลบเลี่ยงออกจากตลาดหุ้นไป
อย่างไรก็ตาม หากย้อนดูประวัติศาสตร์การลงทุนในตลาดหุ้น เห็นได้ชัดว่าข่าวลบ ความผันผวน และอารมณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่ต้องพบเจออยู่ตลอดเวลา จากข้อมูลการลงทุนย้อนหลังในดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นการลงทุนใน 500 บริษัทของดัชนี หากแนวโน้มในอนาคตตลาดหุ้นยังเติบโตได้ การลงทุนในช่วง ‘สงคราม’ ก็เป็นเหมือนการลงทุนที่มีโอกาสชนะสูงมาก จะทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าช่วงก่อนสงคราม และผลตอบแทนในการลงทุนช่วงวันเริ่มต้นสงคราม จะให้ผลตอบแทนดีกว่าวันสิ้นสุดสงคราม ดังนั้นการรอลงทุนในช่วงสิ้นสุดสงครามอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเสมอไป
สำหรับกลยุทธ์การรับมือกับภาวะวิกฤตที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นนั้น ซีอีโอ จิตตะ เวลธ์ มองว่า นักลงทุนไม่ควรให้น้ำหนักกับกระแสข่าวรายวัน เพราะตลาดที่ปรับตัวลง นั่นคือโอกาส ควร ‘ตั้งสติ’ พิจารณาเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบตลาดอย่างรอบด้าน ซึ่งหากพบว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นมาจากปัจจัยความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ ควรปรับกลยุทธ์เน้นกระจายความเสี่ยง แต่หากมาจากความเสี่ยงที่เป็นระบบ ซึ่งเป็นปัจจัยเหนือการควบคุม ควรตัดขายเฉพาะหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง และไม่สามารถคาดการณ์การฟื้นตัวที่ชัดเจนได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง และสร้างโอกาสด้วยการเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพราะวิกฤตคือ โอกาสแสวงหาหุ้นดี ราคาเหมาะสม
“อย่างที่ Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนานของโลก กล่าวไว้ว่า การคาดเดาว่าฝนจะตกเมื่อไหร่นั้นไม่มีความหมาย แต่การสร้างเรือต่างหากที่ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ เปรียบได้กับการลงทุน คือการพยายามคาดเดาว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกี่ครั้ง ตลาดหุ้นจะตกไปเท่าไหร่ เศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ไม่ได้ส่งผลให้พอร์ตมีกำไรขึ้นมา แต่การสร้างพอร์ตที่แข็งแรง มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี สินทรัพย์ที่หลากหลาย มูลค่าพอร์ตโดยรวมก็จะไม่เสียหายมาก นักลงทุนก็จะชนะทุกวิกฤตได้”นายตราวุทธิ์ กล่าว
ดังนั้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อาจกระทบต่อพอร์ตลงทุน ซีอีโอ จิตตะ เวลธ์ เผยเคล็ดลับ ‘ตำราพิชัยลงทุนให้ชนะสงคราม’ ว่า นักลงทุนต้องตอบคำถามให้ได้ว่าควรเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ลงทุนอยู่หรือไม่ และสิ่งที่ลงทุนจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้หรือไม่ หากนักลงทุนรู้จักตลาดหุ้น รู้จักตนเอง และควบคุมตนเองได้ รวมทั้งลงทุนในสิ่งที่ถนัด ตรงกับหลักการที่ถูกต้อง ไม่ว่าการรบจะเป็นอย่างไรก็จะชนะได้ หากต้องเผชิญสภาพตลาดหุ้นแบบไหนก็จะสามารถรับมือได้
ทั้งนี้ บลจ.จิตตะ เวลธ์ จำกัด ได้ลงทุนตามหลักการ เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นแนวทางของ Warren Buffett หรือทฤษฎีรางวัลโนเบล พร้อมด้วยเทคโนโลยี ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุนตามหลักการที่ผ่านการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน ล่าสุด ได้เพิ่มโอกาสทางเลือกการลงทุน และกระจายความเสี่ยงในหลากหลายธุรกิจที่ดี ให้แก่นักลงทุน ผ่านการลงทุนกองทุนส่วนบุคคล Thematic (ทั้ง Thematic DIY และ Thematic Optimize) จัดพอร์ตด้วย Passive ETF ค่าธรรมเนียมต่ำ บริหารจัดการและปรับพอร์ตอัตโนมัติ ตามหลักการ คัดสรรธีมเด่นมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต จากเดิมที่เปิดให้บริการแล้ว 16 ธีม เพิ่มอีก 7 ธีม รวมเป็น 23 ธีม
สำหรับ 7 ธีมใหม่ที่บริษัทฯ ได้เพิ่มเข้ามาประกอบด้วย
อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิง (Internet of Things) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรม IoT ที่เติบโตขึ้นในหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก โดยจะลงทุนตามดัชนี Indxx Global Internet of Things Thematic Index
เซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductors) ลงทุนในหุ้นของบริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ผ่านกองทุน VanEck Vectors Semiconductor ETF
พลังงานสะอาด (Clean Energy) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั่วโลก ด้านพลังงานสะอาด ผ่านกองทุน iShares Global Clean Energy ETF
บริการสุขภาพจีน (China Healthcare) ลงทุนในหุ้นของบริษัทด้านบริการสุขภาพสัญชาติจีน เช่น ยา วัคซีน เทคโนโลยีชีวภาพ ผู้ผลิตเครื่องมือการแพทย์ ผ่านกองทุน KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF
เมตาเวิร์ส (Metaverse) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโลกเสมือนจริงแห่งอนาคต ผ่านกองทุน Roundhill Ball Metaverse ETF
ไซเบอร์ซีเคียวริตี (Cybersecurity) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยของโลกไซเบอร์ ผ่านกองทุน First Trust Nasdaq Cybersecurity ETF
และ ลีเธียมและแบตเตอรี (Lithium & Battery) ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องด้านการผลิตแบตเตอรีลิเธียมทั่วโลก ผ่านกองทุน Global X Lithium & Battery Tech ETF
“จิตตะ เวลธ์ มีความมุ่งมั่นนำเสนอทางเลือกการลงทุน เปิดโอกาสให้นักลงทุนได้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี อนาคตเติบโต สามารถฟันผ่าได้ทุกวิกฤต เพราะเราเชื่อว่า การเข้าใจตลาดหุ้น การมีหลักการที่ดี การปฏิบัติตามหลักการนั้นๆ และลงทุนในสินทรัพย์ที่ดีมีการกระจายความเสี่ยง จะทำให้นักลงทุนยังยืนหยัดในตลาดหุ้นต่อไป และสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตลงทุนให้ผ่านพ้นทุกวิกฤตได้ในที่สุด” นายตราวุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ กองทุนส่วนบุคคล Thematic แผน DIY และ Optimize ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำ 50,000 บาท มีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการเพียง 0.5% ต่อปี สามารถเพิ่มทุนเมื่อใดก็ได้ ขั้นต่ำการเพิ่มทุน 10,000 บาท โดยนักลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนกองทุนส่วนบุคคล Thematic ทั้งหมดได้ที่ https://jitta.co/3N39qHV หรือ สอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ทาง Line ID: @JittaWealth